กักตัวอาสาสมัครกู้ภัยทับสะแก หลังสัมผัสผู้เสียชีวิตติดเชื้อโควิด บนรถไฟสถานที่ทับสะแก 14 วัน ขณะที่มูลนิธิสว่างรุ่งเรืองธรรมสถาน หยุดรับคนเจ็บ และคนเสียชีวิต เพื่อป้องกันคนทำงานที่ไม่มีชุด PPE
วันที่ 4 เมษายน ผู้สื่อข่าวไปสังเกตการณ์ หน้ามูลนิธิสว่างรุ่งเรืองธรรมสถาน อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบปิดประตูด้านหน้าตามมาตรการค่ำสั่งของนายอำเภอทับสะแก เพื่อกักตัวอาสาสมัครกู้ภัยทั้ง 14 นาย ที่ร่วมออกเหตุ รับศพ นายอนันต์ สาเหาะ อายุ 57 ปี ชาวจังหวัดนราธิวาส เสียชีวิตบนรถไฟขบวนรถด่วนที่ 37 บางซื่อ-สุไหงโกลก โบกี้ที่ 4 เลขที่นั่ง 28 เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 31 มีนาคม และงดบุคคลภายนอกเข้าไปภายในบริเวณมูลนิธิ
ทั้งนี้ ตามประกาศศูนย์บริการราชการในภาวะฉุกเฉินอำเภอทับสะแก มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยต่างๆ เข้าร่วมปฏิบัติงานจำนวน 17 คน ประกอบด้วยอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิที่มีความเสี่ยงสูงจำนวน 4 ราย ความเสี่ยงต่ำ 10 ราย และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทับสะแกจำนวน 3 ราย ดำเนินการให้ทุกคนกักตนเองเป็นระยะเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563
...
นายปรีดา สุขใจ นายอำเภอทับสะแก เปิดเผยว่า สำหรับเจ้าหน้าที่ที่สัมผัสโรคในวันเกิดเหตุ ของ อ.ทับสะแก เป็นบุคคลกลุ่มเสี่ยง มีจำนวน 17 คน ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทับสะแก 3 คน และเจ้าหน้าที่กู้ภัย 14 คน ทุกคนอยู่ในการติดตามและเฝ้าระวังของทีมควบคุมโรค ศูนย์โควิด อ.ทับสะแก ทั้งหมดแล้ว
"ในจำนวนกลุ่มเสี่ยง 17 ราย เป็นผู้มีความเสี่ยงสูง 4 คน คือคนที่สัมผัสร่างผู้เสียชีวิตเพื่อตรวจชีพจร และช่วยยกศพออกจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งทีมกู้ภัยไม่ได้สวมอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล หรือชุด PPE เพื่อป้องกันตัวเอง แต่สวมหน้ากากอนามัยและถุงมือยางตามหลักสาธารณสุขเบื้องต้น ซึ่งจนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกคนยังปลอดภัย มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีไข้ แต่มีภาวะเครียดสะสมจากผลกระทบจากกระแสในสื่อออนไลน์"
อย่างไรก็ตาม อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิสว่างรุ่งเรืองทับสะแก ได้งดบริการเก็บศพหรือรับคนป่วย เนื่องจากไม่มีชุดป้องกัน PPE จากหน่วยงานรัฐไว้บริการ ทำให้ผู้ปฏิบัติงานมีความเสี่ยง จึงของดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น.