ผวจ.ราชบุรี เผยมีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มอีก 2 ราย ยอดสะสมรวมแล้ว 3 ราย กำลังเร่งสอบสวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ว่ามาจากที่ใดบ้าง ขณะที่ มีรอผลตรวจอีก 9 ราย และครบกำหนดกักตัวแล้ว 125 ราย

เมื่อวันที่ 24 มี.ค.63 ที่ ศาลากลาง จ.ราชบุรี นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี พร้อมนายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ รอง ผวจ.ราชบุรี นพ.สินชัย ตันติรัตนานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดราชบุรี และ พญ.ปาจรีย์ อารีย์รบ รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.ราชบุรี ได้เปิดแถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด–19 ในพื้นที่ จ.ราชบุรี

นายชยาวุธ  เปิดเผยว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดราชบุรี ได้ประมวลตัวเลขข้อมูลสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด–19 จ.ราชบุรี ณ เวลา 24.00 น. คืนวันที่ 23 มี.ค.63 ถึงขณะนี้ จ.ราชบุรีมีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด–19 เพิ่มอีก 2 ราย รวมกับรายแรกที่รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลบ้านโป่ง จ.ราชบุรี ทำให้จ.ราชบุรี มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด–19 แล้วรวม 3 ราย

ผวจ.ราชบุรี กล่าวอีกว่า 2 รายล่าสุดรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลราชบุรี เป็นชาว อ.บ้านโป่ง และ อ.เมืองราชบุรี ในรายแรกที่ อ.บ้านโป่ง ได้ตรวจสอบผู้ใกล้ชิดแล้วไม่มีผู้ติดเชื้อ ส่วนผู้ใกล้ชิดผู้ป่วย 2 รายใหม่ อยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวน และเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ทำความสะอาดสถานที่พักและสถานที่ที่เคยเดินทางไปแล้ว ขณะนี้ ยังมีผู้ป่วยเกณฑ์การเฝ้าระวังและสอบสวนโรค จำนวน 86 ราย ผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการเป็นลบไม่ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 75 ราย รอผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ 9 ราย มีบุคคลเข้าข่ายเฝ้าระวังโรค 167 ราย ครบกำหนดเฝ้าระวัง 125 ราย

...

นอกจากนี้จ.ราชบุรี ได้ออกคำสั่งเรื่องมาตรการเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (COVID-19) ฉบับที่ 2 โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจ.ราชบุรี ให้ปิดสถานที่เป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.63 ถึงวันที่ 2 เม.ย.63 ได้แก่ ร้านอาหาร ภัตตาคาร ห้องอาหารสโมสร หรือสถานที่ประกอบการอื่นใด ที่มีการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย , สวนสนุก สถานที่เล่นโบว์ลิ่ง ตู้เกมส์ หรือเครื่องเล่นเกมส์ทุกประเภท , สระว่ายน้ำ สวนน้ำ หรือกิจการอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน , ศูนย์พระเครื่อง – พระบูชา และสนามพระเครื่อง – พระบูชา , ศูนย์การประชุม หอประชุม ห้องประชุม สโมสร หรืออาคารสถานที่อื่นใดของหน่วยงานของรัฐ ที่มีการจัดอบรม สัมมนาหรือจัดกิจกรรมใดๆ และมีคนมาร่วมมากกว่า 50 คน หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้ มีโทษตามมาตรา 52 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.