เรื่องราวของ น.ส.ปนัดดา ปราคำ อายุ 39 ปี บ้านเลขที่ 98/2 หมู่ที่ 6 ต.ท้ายหาด อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ที่เข้ามาพบพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ขอให้ช่วยเหลือติดตามเงินฝากที่อยู่ในบัญชีของธนาคารถูกถอนออกไปเป็นเงินจำนวนมาก โดยผู้เสียหายไม่ได้เป็นผู้ถอนออกไป

คดีนี้ พล.ต.ต.อาทิชา เปาอินทร์ ผบก.ภ.จ.สมุทรสงคราม เข้ามาร่วมสอบถามข้อมูลกับผู้เสียหาย เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นพฤติกรรมของแก๊งปลอมแปลงบัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเครดิตที่ก่อคดีในหลายพื้นที่

น.ส.ปนัดดาเล่าว่า จากการตรวจสอบข้อความโทรศัพท์พบว่า มีเงินที่ฝากไว้ในบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาสมุทรสงคราม ถูกถอนเงินออกไปเป็นเงิน 193,000 บาท

ผู้เสียหายติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของธนาคารทราบว่า เงินในบัญชีดังกล่าว ถูกถอนเงินออกไป โดยการเบิกเงินทางบัตรเอทีเอ็มที่ตู้เอทีเอ็มที่ ต.แหลมใหญ่ จ.สมุทรสงคราม

พบว่าบัตรเอทีเอ็มหายไป

ตรวจสอบทางธนาคารพบว่า เงินในบัญชีที่ถูกคนมาเบิกผ่านทางบัตรเอทีเอ็มหลายครั้ง ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.ถึงวันที่ 2 ก.ย. รวมเป็นเงิน 703,000 บาท

สงสัยว่า นายวันชนะ ศรีทับทิม อายุ 18 ปี และ น.ส.สรัลพร ชื่นสมบัติ อายุ 15 ปี ซึ่งเป็นลูกของลูกจ้างอยู่ในบ้าน น่าจะเป็นผู้ลักเอาบัตรเอทีเอ็มไปกดเงิน

เนื่องจากเคยใช้ให้ไปช่วยกดเงิน โดยบอกรหัสเอทีเอ็มกับเด็กทั้งสองคน

ฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองสมุทรสงคราม เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด ที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารกสิกรไทยที่ซอยแหลมใหญ่ และที่ห้างบิ๊กซีสมุทรสงคราม พบเงินถูกเบิกออกไปมีชายและหญิงวัยรุ่นเป็นผู้ไปกดเบิกเงิน

...

นำรูปภาพจากกล้องวงจรปิดมาให้ น.ส.ปนัดดา ดูยืนยันคือ นายวันชนะ และ น.ส.สรัลพร ลูกของลูกจ้างที่พักอยู่ในบ้านจริง

เชิญตัวมาสอบถาม 2 คนรับสารภาพว่า ได้นำเอาบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายไปกดเบิกเงินจากตู้เอทีเอ็มหลายครั้งจริง โดยเอาเงินที่ได้มาไปใช้จ่ายซื้อทองคำรูปพรรณ ซื้อรถจักรยานยนต์ ซื้อโทรศัพท์มือถือ

ตำรวจติดตามยึดทรัพย์สินที่ซื้อมาได้รวมมูลค่ากว่า 430,000 บาท

ส่งคืนให้กับ น.ส.ปนัดดา

สำหรับเงินในส่วนที่ขาดไปผู้ปกครองของเด็กทั้ง 2 คนขอชดใช้ให้ น.ส.ปนัดดาครบตามจำนวน

คดีนี้ทางฝ่ายผู้เสียหายพอใจและไม่ประสงค์ให้ดำเนินคดีกับเด็กทั้ง 2 คน

เป็นคดีที่เกิดขึ้นใกล้ตัว.

“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th