ผู้ว่าฯ สั่งล้อมคอกให้สถาบันกวดวิชาทุกแห่งยื่นขออนุญาตให้ถูกต้องเพื่อป้องกันการทำร้ายเด็กเหมือน “บ้านครูพี่ณัฐ” เนื่องจากเป็นโรงเรียนเถื่อน ไม่มีระบบประกันคุณภาพ ถ้าตรวจพบจะมีโทษทั้งจำและปรับ ส่วนเรื่องคดีตำรวจส่งไม้เบสบอล 8 อันตรวจพิสูจน์เพื่อใช้เป็นหลักฐานมัดตัวผู้ต้องหา

ภายหลังการจับกุมนายณัฐพล ถาวรพิบูลย์ อายุ 27 ปี เจ้าของสถาบันกวดวิชาเตรียมทหาร “บ้านครูพี่ณัฐ” เลขที่ 999/33 หมู่บ้านไอซ์แลนด์ 6 ต.วัดไทร อ.เมืองนครสวรรค์ น.ส.พีรญา พละแสน ภรรยา และนางนงลักษณ์ พละแสน แม่ยาย ข้อหาร่วมกันทำร้ายนายฐปกร หรือน้องชายแดน ทรัพย์สิน อายุ 15 ปี นักเรียนที่เข้ามาเรียนกวดวิชาจนถึงแก่ความตายพร้อมยึดหลักฐานไม้เบสบอล 8 อัน ที่ใช้ตีเด็กจนเสียชีวิต ต่อมาพนักงานสอบสวนได้นำตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดนครสวรรค์พร้อมคัดค้านการประกันตัวและเกรงจะไปข่มขู่พยาน ศาลจึงมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวก่อนส่งเข้าเรือนจำกลางนครสวรรค์นั้น

ต่อมาเช้าวันที่ 20 มิ.ย. นายอรรถพร สีหวิชัย ผวจ.นครสวรรค์ เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าประชุมที่ศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์เพื่อวางมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลักษณะเดียวกันกับสถาบันกวดวิชาเตรียมทหาร “บ้านครูพี่ณัฐ” อีกทั้งสถาบันกวดวิชาแห่งนี้ไม่ได้ขอจดทะเบียนจัดตั้งโรงเรียนอย่างถูกต้องกับกระทรวงศึกษาธิการ ผ่านสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครสวรรค์ทำให้เป็นโรงเรียนเถื่อน ไม่มีระบบประกันคุณภาพการตรวจนิเทศจากสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครสวรรค์แต่อย่างใด ซึ่งสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครสวรรค์ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับสถาบันกวดวิชาแห่งนี้แล้วที่ สภ.เมืองนครสวรรค์

นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังกล่าวถึงในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ เปิดสอนกวดวิชา ภาษาต่างประเทศ ดนตรี ศิลปะ จำนวนมากแต่ไม่ได้ขออนุญาต นายอรรถพรจึงสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแนะนำประชาสัมพันธ์ให้โรงเรียนหรือสถาบันเหล่านั้นรีบติดต่อสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครสวรรค์เพื่อขออนุญาตจัดตั้งโรงเรียนให้ถูกต้อง ถ้าตรวจพบจะมีโทษทั้งจำและปรับ หากเจ้าของเป็นข้าราชการจะมีโทษทางวินัยหรือหากเป็นข้าราชการครูจะมีผลถึงใบประกอบวิชาชีพครูด้วย

...

ส่วนเรื่องของคดี พ.ต.อ.สุทธินันท์ คงแช่มดี ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ได้เรียกประชุมทีมสืบสวนและสอบสวนพร้อมนำหลักฐานไม้เบสบอลทั้ง 8 อันที่งมพบบริเวณใต้สะพานเลี่ยงเมืองข้ามแม่น้ำปิงส่งตรวจพิสูจน์ สำหรับไม้เบสบอลที่ค้นพบทราบจากพยานว่าถูกนำไปทิ้ง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกหลังจากทำร้ายน้องชายแดนจนหัวแตก แขนหักแล้ว นายณัฐพลนำไปทิ้งก่อน 4 อัน ภายหลังได้ลงมือทำร้ายน้องชายแดนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้รุนแรงกระทั่งน้องชายแดนเสียชีวิต ที่โรงพยาบาล นายณัฐพลได้ให้เด็กที่เป็นนักเรียนคนสนิทนำไม้เบสบอลที่เหลือไปทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน นายณัฐพลเป็นคนขับรถพาไปทิ้งบริเวณใต้สะพานเลี่ยงเมืองข้ามแม่น้ำปิงซึ่งเป็นที่เปลี่ยวและไม่มีกล้องวงจรปิด

ส่วนประเด็นร่องรอยอวัยวะเพศของน้องชายแดนที่มีรอยไหม้นั้น พยานซึ่งเป็นเด็กในสถาบันเผยว่า ได้รับคำสั่งจากนายณัฐให้ไปบังคับให้เพื่อนนักเรียนที่เรียนด้วยกันร่วมกันจับขึงน้องชายแดนไม่ให้ดิ้นได้ จากนั้นจุดไฟลนบริเวณอวัยวะเพศ ต่อหน้าเพื่อนหลายคนทั้งที่ไม่เต็มใจจะทำร้ายแต่เพราะถูกบังคับ หากไม่ร่วมมือจะถูกทำร้ายด้วย พยานยังระบุด้วยว่า สถาบันกวดวิชาแห่งนี้ เมื่อเข้าไปอยู่แล้วไม่ต่างอะไรไปจากสถานที่ถูกจองจำเพราะเด็กจะถูกยึดโทรศัพท์ แม้แต่ผู้ปกครองจะมาเยี่ยมหาต้องนัดวันล่วงหน้า กรณีของน้องชายแดนเคยถูกรุมทุบตีหลายครั้งแต่ครั้งนี้รุนแรงเพียงเพราะไปขอโทรศัพท์คืนจากแม่ยายของนายณัฐเพื่อติดต่อกับทางบ้านแต่ไม่ได้ เลยทำให้น้องชายแดนหลุดพูดคำที่ไม่พอใจออกไปจนนำไปสู่การทำร้าย และนายณัฐพลยอมรับเองว่าใช้ไม้เบสบอลตีน้องชายแดนไปกว่า 20 ครั้ง โทษฐานต่อว่าแม่ยาย