"บิ๊กโจ๊ก" พร้อม ผบช.ทท. รองผอ.ท่าสุวรรณภูมิ แถลงจับกุมเจ้าของบริษัทหลอกขายทัวร์ราคาถูกไปหลีเป๊ะ แล้วเบี้ยวทริปเดินทาง พร้อมทำการปิดบริษัทเชิดเงินนักท่องเที่ยวหนี อีกรายรวบหนุ่มมังกรจีนสวมบัตรประชาชนไทย เปิดบริษัทตุ๋นชักชวนชาวจีนมาร่วมลงทุนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ และทำทัวร์ โดยมีผู้สูญเงินกว่า 10 ล้าน...

เมื่อเวลา 18.35 น.วันที่ 3 มี.ค.2562 ที่ห้องศปก.บก.ตม.2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม./รองผอ.ศปอส.ตร. พล.ต.ท.ธีรพล คุปตานนท์ ผบช.ทท. นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.ต.ต.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.อำนาจ โฉมฉาย ผกก.3 บก.ทท.1 และชุด ศปอส.ตร. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม ผู้ต้องหาหลอกลวงขายโปรแกรมทัวร์ตามบูธจัดงานแสดง ประกอบด้วย นายธีรวุฒิ ชังคะนาค และนางดาริณี นครไทย เจ้าของบริษัท ทีแอนด์ดีไทม์ ทัวร์จํากัด ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวจะทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวหรือนักท่องเที่ยวไม่ปฏิบัติตามการโฆษณาหรือชี้ชวนเกี่ยวกับรายการนำเที่ยว

...

สืบเนื่องจาก ศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและตำรวจท่องเที่ยวได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยรวม 11 คนได้ซื้อโปรแกรมทัวร์เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล จำนวน 4 วัน 3 คืน มีกำหนดเดินทางในวันที่ 19 ธ.ค.61 - 1 ม.ค.62 กับทางบริษัท ทีแอนด์ดี ไทม์ ทัวร์ จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยว จากงานไทยเที่ยวไทย จัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่าง วันที่ 10-13 พ.ค.61 เป็นจำนวนเงิน 90,600 บาท ต่อมาวันที่ 11 ธ.ค.61 ทางบริษัทได้โทรมาแจ้งว่าขอยกเลิกการเดินทาง โดยอ้างว่าบริษัทขาดสภาพคล่องทางการเงินจึงไม่มีเงินจ่ายค่ามัดจำกับทางโรงแรมที่จองไว้จึงไม่สามารถเดินทางไปเที่ยวในวันและเวลาดังกล่าวได้ เมื่อทวงถามเพื่อจะขอเงินค่าซื้อโปรแกรมจากทัวร์คืนกลับถูกปฏิเสธและบ่ายเบี่ยงเรื่อยมาและปิดบริษัทหลบหนีไปถึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ สน.หนองจอก เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงร่วมกันสืบสวนจนทราบว่า บริษัทดังกล่าวมี นายธีรวุฒิ ชังคะนาค และนางดาริณี นครไทย เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม โดยบริษัทดังกล่าวจะโฆษณาขายโปรแกรมทัวร์ในประเทศไทยโดยการออกบูธในงานไทยเที่ยวไทยซึ่งจัดขึ้นณศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์อิมแพคเมืองทองธานีและห้างโลตัส จ.พระนครศรีอยุธยาเป็นประจำในราคาถูกเช่น 2,900 บาท โดยการจองโปรแกรมทัวร์มีทั้งแบบกำหนดวันและไม่กำหนดวันเดินทางจึงทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมีนักท่องเที่ยวหลงเชื่อเป็นจำนวนมากซื้อโปรแกรมทัวร์และเมื่อใกล้ถึงกำหนดวันเดินทางถูกแจ้งยกเลิกและบ่ายเบี่ยงปฏิเสธการคืนเงินเช่นเดียวกันโดยมีผู้เสียหายมากกว่า 100 คน มูลค่าความเสียหายมากกว่า 450,000 บาท หลังจากนั้นชุดจับกุมจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับและดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคน เบื้องต้นให้การรับสารภาพ คุมตัวส่งพงส.สน.หนองจอก เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย ทั้งนี้หากประชาชนรายใดที่เคยซื้อทัวร์กับบริษัทแห่งนี้แล้วถูกยกเลิกทัวร์และไม่ได้รับเงินคืนสามารถเดินทางเข้าแจ้งความที่ตำรวจท่องเที่ยว

ต่อมาพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม./รองผอ.ศปอส.ตร. พล.ต.ท.ธีรพล คุปตานนท์ ผบช.ทท. นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกันแถลงข่าว จับกุม นายจางชิงโป (Mr.Zhang Qing Po) อายุ 43 ปี บุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน ตามหมายจับศาลจังหวัดเทิง ที่ จ.7/2562 ลงวันที่26 ก.พ.62 ในข้อหา ทำหรือใช้หรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จ หรือกระทำการเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นมีชื่อหรือมีรายการอย่างหนึ่งอย่างใดในทะเบียนบ้าน หรือเอกสารทะเบียนราษฎรอื่นโดยมิชอบ, ยื่นคำขอมีบัตรโดยไม่มีสัญชาติไทยโดยการแจ้งข้อความ หรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในการขอมีบัตร, แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชน หรือเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชนใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำผิดตามมาตรา 265 มาตรา 266 หรือมาตรา 267 ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน พร้อมเอกสารบัตรประชาชน,ทะเบียนบ้านและใบจดทะเบียนบริษัทต่างๆในไทย 

...

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักล่าวว่า ผู้ต้องหามีพฤติกรรมสวมบัตรประชาชนไทยใช้ชื่อ นายธวัชชัย เลายี่ปา โดยดำเนินการสวมบัตรตั้งแต่ปี 2558 ที่ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย และยังแอบอ้างเป็นนักธุรกิจไทย เปิดบริษัทชักชวนชาวจีนมาร่วมลงทุนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย รวมถึงทำบริษัททัวร์นำนักท่องเที่ยวชาวจีนไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆในไทย และมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 10 ล้านบาท โดยผู้ต้องหาถูกจับกุมได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระหว่างเดินทางเข้าไทย

จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าตนเองเป็นชาวเผินอ่าน ประเทศจีน และได้ทำการทุจริตสวมบัตรประชาชนของ นายธวัชชัย เลายี่ปา จริง หลังจากที่ได้บัตรประชาชนไทยแล้ว ได้นำบัตรประชาชนไปทำการจดทะเบียนบริษัทหลายบริษัท และทำธุรกรรมต่างๆ ในชื่อของนายธวัชชัย เลายี่ปา มาโดยตลอด จากการสืบสวนขยายผลเข้าตรวจค้นที่พักและที่ตั้งบริษัท พบว่าผู้ต้องหามีพฤติกรรมชักชวนชาวจีนเข้ามาร่วมลงทุนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เช่นคอนโดมิเนียม ที่ดินในพื้นที่เขตอุตสาหกรรมและที่ดินในแหล่งท่องเที่ยวโดยมีเงินหมุนเวียนหลายสิบล้านบาท อีกทั้งยังดำเนินการในรูปแบบสมาคมที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ไทยจีนเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในธุรกิจ.

...