ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรสาคร แจงปมญาติสงสัยเรื่องค่าใช้จ่าย หลังพบเจ้าหน้าที่ไม่ให้ย้ายศพออกถ้าไม่ซื้อโลง หรือใช้รถ เผยเตรียมยกเลิกบริษัทเอกชน หันมาบริหารจัดการเอง ...

จากกรณี เจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยอัมรินทร์ใต้ฯ พร้อมญาติผู้เสียชีวิต บุก รพ.ดัง สอบถามเรื่องค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับศพ หลังพบเจ้าหน้าที่ไม่ให้ย้ายศพออกถ้าไม่ซื้อโลง หรือใช้รถ ขณะที่ตัวแทน รพ.แจง เป็นของบริษัทเอกชน พร้อมรับเรื่องไปดำเนินการคาดได้ผลสอบเร็วๆ นี้ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 ที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร นายแพทย์โมลี วนิชสุวรรณ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรสาคร แถลงถึงผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีดังกล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เป็นความเข้าใจผิดระหว่างญาติและพนักงานห้องรักษาศพ ซึ่งเงินมัดจำดังกล่าวเป็นค่าโลงศพ

ส่วนในกรณีที่ญาติเข้าใจว่า หากมิได้ซื้อโลงศพกับบริษัทเอกชน จะไม่สามารถนำศพออกไปได้นั้น เป็นความเข้าใจผิดของญาติ เนื่องจากกรณีทั่วไป หากญาติต้องการนำศพไปบำเพ็ญกุศลนั้น สามารถนำศพออกจากโรงพยาบาลได้โดยรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิต เพื่อให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลดำเนินการออกหนังสือรับรองการตาย ทั้งนี้ หากเอกสารไม่ครบถ้วนก็สามารถนำมาให้ภายหลังได้ ซึ่งการออกเอกสารนี้ไม่เกี่ยวกับบริษัทเอกชนแต่อย่างใด

สำหรับการจัดการศพในปัจจุบันนี้เป็นหน้าที่ของบริษัทเอกชนที่ได้รับสัมปทานให้เข้ามาดำเนินการเป็นระยะเวลาเกือบ 5 ปีแล้ว ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น หลังจากที่ได้มีการเรียกผู้ดำเนินการจัดการศพมาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ก็ได้รับการชี้แจงจากทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการศพว่า น่าจะเกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในการสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการศพกับญาติของผู้เสียชีวิต ซึ่งทางโรงพยาบาลก็เข้าใจถึงหัวอกของคนที่กำลังสูญเสีย หากต้องมาเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดแล้ว ก็จะยิ่งทำให้เสียความรู้สึกได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งทางโรงพยาบาลก็ต้องขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วย 

...

นายแพทย์โมลี กล่าวอีกว่า นอกจากจะได้เรียกผู้รับผิดชอบในการจัดการศพมาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ก็ยังได้มีการประชุมหารือร่วมกับคณะกรรมการตรวจสอบดูแลด้านนี้ ซึ่งก็มีมติเห็นชอบว่า เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้องเรียนหรือเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจแก่ญาติของผู้เสียชีวิตได้อีก ดังนั้นจึงเห็นสมควรที่จะยกเลิกสัมปทาน หรือยกเลิกการให้บริษัทเอกชนเข้ามาเป็นฝ่ายจัดการศพ โดยทางโรงพยาบาลจะเป็นผู้ดำเนินการจัดการเอง แต่ก็คงต้องใช้เวลาอีกประมาณ 1 เดือนเศษ ด้วยเงื่อนไขทั้งสัญญาที่กำลังจะหมดลง, การจัดหาเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลฝ่ายจัดการศพประมาณ 4 คน, การจัดเตรียมสถานที่สำหรับเก็บศพ และการวางระบบ กับระเบียบในการจัดการศพเพื่อป้องกันไม่ให้มีใครเข้ามาหาผลประโยชน์จากญาติของผู้เสียชีวิตได้ และยังเป็นการสร้างความมั่นใจกับญาติของผู้เสียชีวิตได้อีกว่า จะไม่มีเหตุการณ์เรียกรับผลประโยชน์ใดๆ เกิดขึ้น

ขณะที่ นายอุทิศ มุขเงิน อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นผู้ดูแลด้านฝ่ายจัดการศพ ก็บอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในการสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่ที่ทำงาน กับ ทางญาติของผู้เสียชีวิต ซึ่งในคืนดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการชี้แจงให้ญาติได้รับทราบทุกอย่างแล้ว ทั้งเรื่องของระเบียบเกี่ยวกับเงินมัดจำ และรายละเอียดของค่าใช้จ่ายทั้งหมด ตลอดจนขั้นตอนการนำศพออก ซึ่งเมื่อญาติไม่ประสงค์ที่จะใช้บริการในการจัดหาโลงศพ กับใช้รถนำส่ง ทางเจ้าหน้าที่ในขณะนั้นก็อธิบายให้ฟังว่า ในส่วนของค่ามัดจำนั้น จะไม่ได้คืน เพราะเป็นระเบียบของบริษัทฯ ซึ่งทางญาติอีกคนหนึ่งที่มาคุยด้วยก็ไม่ได้ติดใจอะไร และบอกว่ายกให้กับทางโรงพยาบาลฯ ไป

โดยในส่วนตรงนี้ ตนเองก็งงเหมือนกันที่พอตอนเช้าของอีกวันหนึ่งกลายเป็นข่าวว่า ทางเราไม่ให้นำศพออกเพราะไม่จ้างรถนำส่ง กับเพราะไม่ซื้อโลง ส่งผลทำให้เกิดความเสียหายต่อการทำหน้าที่ในการจัดการศพให้กับโรงพยาบาล ที่ดำเนินการมาเกือบ 5 ปีแล้ว ซึ่งตนเองก็ต้องการขอความเป็นธรรมจากสังคมด้วย เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบ ทั้งต่อการทำหน้าที่ฝ่ายจัดศพของตน ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของโรงพยาบาล และส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจนอกโรงพยาบาลของครอบครัวตนด้วย

ดังนั้น จึงอยากจะขอให้ญาติได้เข้าใจถึงเจตนาที่แท้จริงว่า พวกตนนั้นทำตามระเบียบของโรงพยาบาลทุกอย่าง และไม่มีเจตนาที่จะเอาเปรียบญาติของผู้เสียชีวิต หรือเรียกรับเงินเกินกว่าความเป็นจริงแต่อย่างใดทั้งสิ้น ที่ผ่านมาทางเราก็ทำทุกอย่างตามความประสงค์ของญาติผู้เสียชีวิตและไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เลย ซึ่งหลังเกิดกรณีนี้ขึ้น ตนเองก็ได้ไปชี้แจงต่อคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลสมุทรสาคร ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว.