จบแฮปปี้! ผอ.รพ.ศูนย์นครปฐม แถลงขอโทษญาติคนไข้ กรณีย้ายคนไข้วัย 83 ปี ผิดตัวไปส่งบ้านอื่น รับรพ.ผิดพลาด มอบเยียวยา 2 แสน ญาติมอบเงินกลับให้ไปซื้อเครื่องมือแพทย์ช่วยผู้ป่วยอื่น

จากกรณีเมื่อวันที่ 1 พ.ค.61 น.ส.จิดารัตน์ ห่วงสุวรรณ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69/1 หมู่ 2 ต.ลำพยา อ.เมืองนครปฐม เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ชัยวัฒน์ สุทธิศิริมงคล รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครปฐม เพื่อบันทึกเป็นหลักฐานในกรณีที่เกิดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนครปฐม สลับตัว นางลออ สุระนันท์ อายุ 83 ปี ผู้เป็นยายและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ไปส่งที่บ้านอื่น หลังจากทราบว่าส่งคนไข้ผิดตัวไปบ้านอื่น จึงรีบไปรับกลับมาได้เพียง 1 วัน อาการทรุดหนักจนเสียชีวิตลง หลังเกิดเหตุทางโรงพยาบาลได้แถลงและยอมรับถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นว่า ไม่ได้ตรวจสอบให้ละเอียด เกิดจากความผิดพลาดที่ไม่ได้มีการทวนสอบ ทั้งๆ ที่มีระบบในการทวนสอบ แต่บุคคลไม่ได้ปฏิบัติตามระบบจึงเกิดเรื่อง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น  ส่งผู้ป่วยกลับบ้านผิดคน

ล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 3 พ.ค.61 ที่ห้องประชุมชั้น 4 โรงพยาบาลนครปฐม นพ.วีรศักดิ์ ครองลาภเจริญ ผอ.รพ.นครปฐม นายแพทย์ปฐม วงษ์อุบล รอง ผอ.ด้านบริการปฐมภูมิ รพ.นครปฐม พร้อมด้วย น.ส.จิดารัตน์ ห่วงสุวรรณ อายุ 27 ปี ผู้เสียหาย หลานของนางลออ สุระนันท์ อายุ 83 ปี ผู้ตายที่ถูกสลับตัวไปส่งบ้านอื่น ได้ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับการช่วยเหลือเยียวยาครอบครัว น.ส.จิดารัตน์ ผู้เสียหาย โดยมีสื่อมวลชนหลายฉบับหลายช่องไปรอทำข่าว

นพ.วีรศักดิ์ เผยว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโรงพยาบาลนครปฐม นำส่งตัวคนไข้ผิดบ้าน เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน และเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความเสียใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย ทั้งทางฝ่ายโรงพยาบาล ทีมงานของผู้บริหาร และญาติคนไข้ เราทราบว่าเหตุการณ์เหล่านี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น ทางโรงพยาบาลจะนำสิ่งที่ผิดพลาดเหล่านี้มาเป็นบทเรียนอันมีค่าเพื่อปรับปรุงและพัฒนาป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก

...

นพ.วีรศักดิ์ ยังยอมรับผิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกว่า ด้วยความเสียใจดังกล่าว ผมและทีมบริหารได้ตัดสินใจโดยเชิญผู้เสียหาย น.ส.จิดารัตน์ มาพูดคุย และตกลงกับทางผู้เสียหายซึ่งเป็นญาติของ นางลออ สุระนันท์ อายุ 83 ปี ที่ส่งผิดตัวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยรับผิดชอบให้ 2 ประการ 1.ให้ทางโรงพยาบาลนครปฐมได้มีโอกาสที่จะดูแลครอบครัวของนางลออ หากมีการเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาลก็จะดูแลอย่างดี 2.โรงพยาบาลนครปฐมยินดีที่จะให้การเยียวยาเพื่อเป็นบทเรียนให้กับทุกฝ่าย เป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท ให้กับญาติของนางลออ เพื่อเป็นการชดใช้ในสิ่งที่ทางโรงพยาบาลทำผิดพลาด

น.ส.จิดารัตน์ ห่วงสุวรรณ ผู้เป็นหลานที่นั่งอยู่ในห้องแถลงด้วยสีหน้าอึมครึมหลังจากที่ทาง ผอ.แถลงเสร็จ พร้อมกับได้นำจดหมายที่ร่างมา 1 ฉบับ มอบให้กับผู้อำนวยการโรงพยาบาล โดยให้ ผอ.เปิดอ่านเองต่อหน้าสื่อมวลชน ซึ่งข้อความในจดหมายที่บรรดาญาตินางลออได้ปรึกษาและเขียนมา

โดยระบุว่า เรียน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ตามที่ข้าพเจ้า น.ส.จิดารัตน์ ห่วงสุวรรณ ได้คุยกับสื่อในเรื่องการเสียชีวิตของยาย ข้าพเจ้าไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ กับทางโรงพยาบาล ข้าพเจ้าเพียงจะให้เป็นอุทาหรณ์ และให้ทางโรงพยาบาลปรับปรุงการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้มีความรอบคอบมากยิ่งขึ้น ซึ่งที่มาวันนี้ข้าพเจ้าไม่ได้ต้องการอะไร แต่ถ้าทางโรงพยาบาลจะมีการช่วยเหลือครอบครัวของข้าพเจ้าตามที่ได้ให้ข่าวไว้ ไม่ว่าวิธีใดก็แล้วแต่ ข้าพเจ้าขอให้ทางโรงพยาบาลนำเงินที่จะเยียวยาไปจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ หรืออุปกรณ์การแพทย์ให้กับทางโรงพยาบาล และขอให้ระบุว่า นางลออ สุระนันท์ เป็นผู้บริจาคให้กับโรงพยาบาล และในวันรับอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ โปรดแจ้งมาที่ข้าพเจ้าทราบด้วย จึงเรียนมาเพื่อทราบ ขอแสดงความนับถือ ลงชื่อ น.ส.จิดารัตน์ ห่วงสุวรรณ

หลังจากที่ นพ.วีรศักดิ์ อ่านจบมีอาการและสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมกับเผยว่า ในกรณีนี้ถือเป็นอุทาหรณ์ของความผิดพลาดในบุคคล ซึ่งในเชิงระบบมันมีอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้ประมาท จะถือโอกาสนี้เป็นอุทาหรณ์ ทางทีมงานผู้บริหารจะนำไว้เป็นบทเรียน เพื่อความรอบคอบมากยิ่งขึ้น สำหรับกรณีนี้เท่าที่ตรวจสอบในเบื้องต้น ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นนี้มาจากการตรวจทาน โดยปกติแล้วหากจะจ่ายคนไข้กลับบ้าน จะต้องมีการสอบทานอย่างน้อยถึง 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 สอบทานจากแพทย์ผู้เป็นเจ้าของไข้ ครั้งที่ 2 สอบทานจากเจ้าหน้าที่พยาบาลที่ขึ้นดูแลคนไข้ในเวรนั้นๆ รอบที่ 3 จะเป็นการสอบทานกับญาติ ว่าญาติผู้ที่มารับคนไข้เป็นใคร มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร จึงได้รับผู้ป่วยกลับบ้าน สำหรับรายนี้ที่เกิดความผิดพลาดนั้น เป็นที่ทราบกันดี ตามที่ปรากฏตามสื่อว่า คนไข้มีลักษณะที่คล้ายกันมาก ทั้งโรคที่เข้ารับการรักษา ความใกล้เคียงของรูปร่างหน้าตา และมีอายุมากเหมือนกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด คาดฝัน ก็ต้องขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วย

นพ.วีรศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับเงิน 200,000 บาท ที่ญาติได้มอบให้โรงพยาบาลซื้อเครื่องมือแพทย์นี้ สามารถซื้อได้หลายอย่าง ทั้งอุปกรณ์การให้น้ำเกลือ และเครื่องมือแพทย์อีกหลายชนิด หากมีการซื้อเรียบร้อยจะแจ้งกลับไปทาง น.ส.จิดารัตน์ ทราบ ในเบื้องต้นจะนำเงินมอบให้กับมูลนิธิในส่วนการพัฒนาโรงพยาบาลไปจัดการ อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณ น.ส.จิดารัตน์ ด้วยในการเดินทางมาวันนี้ ถือเป็นการแสดงออกที่เป็นความเกรงใจและสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ขอให้ความปรารถนาดีและความจริงใจได้สะท้อนกลับเป็นบุญกุศลให้ครอบครัวมีความสุข มีสุขภาพที่สมบูรณ์ แข็งแรง หากมีปัญหาทางสุขภาพอย่างไร ก็ขอให้คิดถึงโรงพยาบาลนครปฐม ขอให้คิดถึงโรงพยาบาลในแผ่นดินที่เราอยู่ แผ่นดินที่เราเกิด และเราจะพยายามดูแลให้ดีที่สุด สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงอย่างละเอียด เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกต่อไป.

...