ผบช.น.ตรวจจุดเกิดเหตุคานเหล็กสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง หน้าวัดดอนเมืองร่วงใส่คนงานดับ 3 ขณะที่นายกวิศวะฯ พบเส้นแรงดึงสูงคอนกรีต พีทีบาร์ ตัวยึดต่อตอม่อขาด คาดเป็นอุบัติเหตุ เผยเปิดจราจรได้ 2 พ.ค.นี้ จ่อดำเนินคดีอาญา...
จากกรณีเมื่อช่วงค่ำวันที่ 28 เม.ย. เกิดเหตุอุปกรณ์ก่อสร้างคานเหล็ก ของรถไฟฟ้าสายสีแดงหล่นลงมาบนถนนบริเวณหน้าโรงเรียนวัดดอนเมือง ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง กทม. จากเหตุดังกล่าวทำให้คนงานเสียชีวิต 3 ราย
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 29 เม.ย. พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์ ผกก.สน.ดอนเมือง พร้อมด้วย พ.ต.ท.รังสรรค์ สอนสิงห์ รองผกก.สอบสวน สน.ดอนเมือง นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน นายสมภพ ปราบณรงค์ ผู้ตรวจราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน นายอำนวย ภู่ระหงษ์ ผู้อำนวยการกองความปลอดภัยแรงงาน และดร.ธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อหาหลักฐานและสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว
ดร.ธเนศ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบความผิดปกติของคานเหล็กเส้นแรงดึงสูงสำหรับคอนกรีต โดยจะมีเหล็กที่เรียกว่าพีทีบาร์ ซึ่งเป็นตัวยึดต่อตอม่อขาดในขณะที่กำลังเคลื่อนตัวส่งผลให้โครงสร้างเหล็กทั้งหมดร่วงหล่นลงมา โดยปกติเหล็กดังกล่าวมีทั้งหมด 6 เส้น แต่ขณะนี้ตรวจสอบเพียง 1 เส้นที่ขาด โดยพบว่าขาดแนวตัดขวาง จากแรงเฉือนที่รุนแรงซึ่งจะต้องนำเหล็กเส้นที่พบเข้าห้องแล็บ เพื่อตรวจสอบภายในอย่างละเอียดว่าขาดเพราะอะไร ทั้งนี้เบื้องต้นในส่วนระบบการปฏิบัติยังไม่พบข้อบกพร่อง ที่เกิดจากความประมาท แต่น่าจะเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งการเคลื่อนตัวจากตอม่อหนึ่งไปยังอีกตอม่อหนึ่งนั้น จะมีแรงเสียดสีอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อตัวทรัคเคลื่อนไปแล้วเกิดสะดุด คนควบคุมจึงพยายามถอยหลังเพื่อเคลื่อนตัวไปข้างหน้าใหม่ โดยจังหวะนั้นน่าจะทำให้เกิดแรงเสียดสีที่แรงขึ้น จนเป็นเหตุให้เหล็กพีทีบาร์ขาด
...
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบรายละเอียดว่าเหตุดังกล่าวเกิดจากความประมาทหรือข้อผิดพลาดจุดใด โดยเจ้าหน้าที่วิศวกรรมสถานและเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจะตรวจสอบแล้วเสร็จ ก่อนจะยกทรัคเหล็กออก และเปิดการจราจรได้ตามปกติภายในวันอังคารที่ 2 พ.ค.นี้
ดร.ธเนศ กล่าวต่อว่า การก่อสร้างมีระเบียบมาตรฐานในการปฏิบัติอยู่แล้ว หากมีการยกสิ่งของหรือก่อสร้างก็จะมีการปิดกั้นพื้นที่ ซึ่งครั้งนี้ก็พบว่าทางบริษัทอิตาเลี่ยนไทยที่รับผิดชอบการก่อสร้างนี้ ได้มีการปิดกั้นพื้นที่แล้ว และเลือกที่จะใช้เวลากลางคืนในการทำงานเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะกระทบกับประชาชนที่สัญจร แต่ต้องยอมรับว่าการทำงานในช่วงเวลากลางคืนนั้นอาจไม่สะดวก และเกิดความผิดพลาดได้ หลังจากนี้จึงต้องให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานให้ดี เพื่อป้องกันความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น อย่างไรก็ดีหลังจากนี้ยังสามารถดำเนินการก่อสร้างต่อเนื่องได้ตามปกติ แต่ต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยให้มากขึ้น
ด้าน นายสุเมธ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้เสียชีวิต และไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น การก่อสร้างดังกล่าวนั้นเคยทำให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้มาแล้ว 6 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งหมด 8 ราย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางเราไม่สบายใจมาก ว่าปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำขนาดนี้ได้อย่างไร โดยก่อนเกิดเหตุแต่ละครั้ง เราได้มีการเปรียบเทียบปรับ แต่ครั้งนี้จะไม่ยอม ต้องดำเนินคดีทางอาญา โดยก่อนจะไปแจ้งข้อหานั้นเราจะเชิญเจ้าหน้าที่ บริษัทที่รับผิดชอบมาตอบคำถามว่า เมื่อพบว่ามีเหตุขัดข้อง ทำไมจึงยังปล่อยให้คนงานยืนอยู่ในจุดเกิดเหตุ แทนที่จะกันให้ออกนอกพื้นที่ ซึ่งจะต้องตรวจสอบว่า เกิดจากความประมาทหรือไม่
อย่างไรก็ตามหากพบว่าเกิดจากความประมาท จะส่งตัวแทนแจ้งความดำเนินคดีอาญาในข้อหาฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานพ.ศ.2554 ซึ่งครั้งนี้ทางเราจะดำเนินการชดเชยตามสิทธิจากกองทุนชดเชยให้คนงานที่เสียชีวิต นอกจากดำเนินคดีอาญาแล้ว กระทรวงแรงงานมีอำนาจในการสั่งปรับปรุงแก้ไข หากไม่แก้ ก็จะสั่งระงับการทำงานของบริษัททันที
ขณะที่ พ.ต.ท.รังสรรค์ กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่แจ้งข้อหาแก่ผู้ใด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างสอบพยาน และให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบหาสาเหตุที่เป็นต้นตอในการเกิดเหตุดังกล่าว พร้อมทั้งรอผลสรุปจากวิศวกร ว่าสาเหตุเกิดจากระบบ หรือความประมาทของผู้ใดหรือไม่ ก่อนจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ต่อมาเวลา 11.30 น. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกล่าวว่า วันนี้เดินทางมาดูความปลอดภัยของพื้นที่เนื่องจากยังไม่มีความปลอดภัยทั้งหมด และจะต้องเปิดให้ประชาชนสัญจรไปมาบริเวณนี้ รวมถึงตรวจสอบข้อเท็จจริงของการสูญเสียว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบในคดีทางอาญา เบื้องต้นได้รับรายงานว่าสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งคนงานและพยานในที่เกิดเหตุไปแล้ว 12 ปาก มีบางประเด็นที่เชื่อมโยงไปถึงผู้กระทำผิดได้บางส่วน ซึ่งก็ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการโดยเร็วที่สุดที่ผ่านมามีการเกิดอุบัติเหตุในลักษณะนี้มาแล้ว 6 ครั้ง ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก ดังนั้นขอความร่วมมือวิศวกรและผู้ประกอบการให้ใส่ใจ และระมัดระวังมากขึ้น
พร้อมยืนยันว่า จะดำเนินคดีกับผู้ที่พยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงทั้งหมด เพราะว่ามีคนเสียชีวิต พร้อมเตรียมดำเนินคดีกับวิศวกรคุมงานหากพบกระทำความผิด แต่ขอรวบรวมพยานหลักฐานเสียก่อน.