ด่วน! คานเหล็กยึดปูนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงหน้าวัดดอนเมือง หล่นทับคนงานดับ 3 แนะประชาชนหลีกเลี่ยงถนนโลคัลโรด เนื่องจากการจราจรติดขัดอย่างหนัก ด้าน ผบช.น. ลั่น หากพบเป็นความบกพร่องของผผู้ใด ต้องดำเนินคดีทั้งหมด

เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 28 เม.ย. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จุดก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ–รังสิตนั้น เกิดอุบัติเหตุคานเหล็กยึดปูนหล่นทับคนงานก่อสร้าง เบื้องต้น มีผู้เสียชีวิต 3 ราย โดยจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณวัดดอนเมือง ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพ กำลังเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ

...

อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ใช้เส้นทางวิภาวดีขาออก มุ่งหน้ารังสิต โปรดหลีกเลี่ยงถนนโลคัลโรดไปก่อน เนื่องจากบริเวณดังกล่าวจราจรค่อนข้างติดขัด

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ขณะเกิดเหตุได้มีคนงานทำงานอยู่ด้านบนประมาณ 13 ราย เบื้องต้น ยังคงต้องรอผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรเข้ามาตรวจสอบ เนื่องจากยังไม่ไว้ใจว่า ชิ้นส่วนเทรนที่เหลืออยู่จะตกลงมาอีก หรือไม่ เจ้าหน้าที่ยังคงกันพื้นที่ไม่ให้ประชาชนเข้าใกล้บริเวณนั้นโดยเด็ดขาด 

พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์ ผกก.สน.ดอนเมือง พ.ต.ท.รังสรรค์ สอนสิงห์ รองผกก.(สอบสวน)สน.ดอนเมือง ฝ่ายสืบสวนสน.ดอนเมือง น.ส.วรรณดี สนชัย ผู้อำนวยการเขตดอนเมือง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.)และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ 

ที่เกิดเหตุ อยู่บนถนนกำแพงเพชร 6 อยู่ใต้รางรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้าง พบเครื่องจักรทำจากโลหะขนาดใหญ่สีส้ม 2 ชิ้นประกบติดกัน ลักษณะหล่นลงมาจากข้างบนขวางถนนทั้งสองฝั่ง ใกล้กันพบผู้เสียชีวิต 3 ราย นอนระเนระนาดเป็นคนงานของบริษัทอิตาเลียนไทยทั้งหมด ทราบชื่อ นายไมตรี สุภาศิวัฒน์ อายุ 25 ปี นายสงัด เทพสันทัด และนายสันติพงษ์ แซ่ว่าง ทั้งหมดเป็นคนงานที่อยู่ข้างบนหล่นลงมาพร้อมกับเครื่องจักร

จากการสอบสวน นายรัฐกร จิตศรีพิทักษ์เลิศ อายุ 41 ปี วิศวะกรผู้ควบคุมงานให้การว่า ตัวที่หล่นลงมาเรียกว่า "ทรัค" มีไว้สำหรับค้ำยันและรับน้ำหนักแผ่นปูนรางรถไฟฟ้า และอีกชิ้นคือตัวค้ำยัน โดยปกติแล้วทรัคจะต้องเลื่อนไปตามรางเหล็กสีส้มเพื่อเลื่อนจากเสาหนึ่งไปอีกเสาหนึ่ง ระหว่างที่ทรัคกำลังเลื่อนไปจู่ๆ รางเหล็กเกิดรับน้ำหนักไม่ไหวทรัคจึงหล่นลงมาพร้อมคนงาน 3 คน ที่กำลังควบคุมอยู่ด้านบนเสียชีวิต

...

ต่อมา พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเปิดเผยว่า เบื้องต้นทราบว่าอุปกรณ์ที่ล่วงลงมาเป็นตัวรับน้ำหนักจะมีตัวยึดแต่ขณะเคลื่อนที่กลับไม่มี อย่างไรก็ตาม สาเหตุขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ เนื่องจากต้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเฉพาะทางเข้าตรวจสอบ คงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ หากพบว่า เป็นความบกพร่องของผู้ใดก็ต้องดำเนินคดีทั้งหมด.

หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป