“งาน กทม.มีหลายหน้า นโยบายมีเยอะมาก ทุกเรื่องสำคัญหมด หลักการของเราคือทุกเขตต้องเดินหน้าให้เต็มที่ ต้องโฟกัสและติดตามงานที่ไม่ตรงตามเป้า ผู้บริหารทุกคนต้องมองไปที่งานตรงนั้น ประชากรกรุงเทพฯมีจำนวนมาก แต่ละคนมีปัญหาแตกต่างกัน เราจึงต้องทำให้ครบทุกมิติ.....” นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.เปิดบทสนทนาบอกเล่าถึงแนวทางการทำงาน

ตลอดระยะเวลา 2 ปี 7 เดือน นับตั้งแต่เข้าสู่ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ กทม. พยายามผลักดันและขับเคลื่อนนโยบาย 9 ด้าน 9 ดีให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ย้ำให้สำนักงานเขตทุกเขต ตื่นเช้ามาลุยงาน ไปสู่เป้าหมาย ทำให้คนกรุงเทพฯมีคุณภาพชีวิตที่ดี และทำให้กรุงเทพฯกลายเป็นเมืองที่เปลี่ยนแปลงทิศทางที่ดีขึ้น

ที่ผ่านมา ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เดินสายปฏิบัติภารกิจตั้งแต่รุ่งเช้ายันเย็นค่ำ ไม่ต่างจาก “มนุษย์จอมพลัง” ยิ่งมีเหตุการณ์วิกฤติฉุกเฉิน ก็รุดลงพื้นที่ตรวจตราสถานการณ์อย่างทันท่วงที ทั้งยังพบเจอได้เสมอผ่านการไลฟ์สด บอกเล่าภารกิจต่างๆแบบเรียลไทม์

โครงการที่หน้าเป็นตาของ กทม.ยุคนี้ และอยู่ในอ้อมใจชาวกรุงเทพฯ มีหลายงาน ทั้งการแจ้งเหตุผ่าน Traffy fondue และช่วยสางสารพัดปัญหาให้ชาวกรุงได้รวดเร็ว นอกจากได้รับคำชมแล้วยังได้รับความไว้ใจเพิ่มเข้ามาอีกการขออนุญาตก่อสร้างเข้าระบบออนไลน์ ได้เปลี่ยนจากเดิม 45 วัน เหลือเพียง 14 วัน การทำฟุตปาททางเท้าได้ดีขึ้นทั่วกรุงเทพฯ 800 กม. และจะทำให้ได้ 2,000 กม. การแก้ปัญหาน้ำท่วมโดยใช้หลักวิทยาศาสตร์โฟกัสปัญหาแต่ละจุด มาตรการลดฝุ่น PM 2.5 โดยมีรถบรรทุก 6 ล้อ จดทะเบียนบัญชีสีเขียวไปแล้ว 10,581 คัน

การติดตั้งกล้อง CCTV พร้อมระบบ AI ตรวจจับผู้ฝ่าฝืนขับขี่บนทางเท้า 100 จุด และมีการตรวจจับอย่างจริงจัง การรณรงค์ให้ประชาชนแยกขยะ และออกข้อบัญญัติ กทม.ในการเก็บค่าธรรมเนียมตามอัตราใหม่ โครงการ BKK food Bank ส่งต่อแบ่งปันอาหารให้ผู้เปราะบางรวมกว่าแสนคน และการสร้าง “บ้านอิ่มใจแม้นศรี” รองรับคนไร้บ้าน ซึ่งจะเปิดบริการภายในปีนี้ และคาราวานตรวจสุขภาพฟรี 1 ล้านคน เป็นต้น

เมื่อเอ่ยถามถึงคะแนนการทำงาน นายชัชชาติ ยืดอกตอบเต็มเสียง ให้คะแนนตนเองเพียง 5 คะแนนเท่านั้น ขณะที่ผลงานที่ทำให้ภูมิใจที่สุด คือ การทำงานโดยใช้เงินน้อยมาก และเน้นความโปร่งใส

...

“จริงๆไม่อยากประเมินตัวเอง แพชชันของผมไม่ใช่การเป็นผู้ว่าฯ หรือผู้มีอำนาจ แต่หน้าที่ คือ การทำงาน เราเชื่อว่าจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่มีชีวิตดีขึ้นจริงๆ ส่วนกลุ่มที่ยังไม่ได้ใช้บริการของ กทม. ก็จะสร้างการรับรู้ให้มากขึ้น เราเอาใจทุกคนไม่ได้ แต่หลักๆจะต้องทำให้เต็มที่ก่อน ถ้าเขาไม่รู้สึกว่าชีวิตเขาดีขึ้น ก็เท่ากับว่าเรายังทำไม่ดีพอ ส่วนทีมงานเราให้เกิน 8-9 คะแนน เพราะทำงานได้ค่อนข้างดี ทุกคนทำงานหนัก ในภาคการเมือง ความไว้ใจเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นเราต้องทำหน้าที่ให้เข้มแข็งมากขึ้น และถ้ามีคนด่า เราก็จะต้องยิ่งไปปรับปรุงให้ดีขึ้น”

นายชัชชาติ ยังกล่าวถึงโครงการใหญ่ของปี 2568 นอกจากการขับเคลื่อนภารกิจงาน 9 ดี 9 ด้านที่จะขยายผลยกระดับให้ดีขึ้นแล้ว ว่า ได้พุ่งเป้า สำคัญไปที่การแก้ปัญหาจราจร เฮลท์แคร์ การศึกษา ให้เห็นภาพที่เป็นรูปธรรม การปรับปรุงศูนย์สาธารณสุขทั้ง 50 แห่ง สร้างโรงพยาบาลเพิ่มอีก 3 แห่ง ได้แก่ รพ.ภาษีเจริญ รพ.สายไหม และ รพ.ทุ่งครุ สร้างเขื่อนบางขุนเทียน ป้องกันการกัดเซาะชายทะเล การจัดสร้างศูนย์ราชการในพื้นที่คลองสาน มีหอศิลป์ ที่มีคุณภาพเชื่อมโยงหน่วยงานราชการสังกัด กทม.

ส่วนเรื่องการขนส่งมวลชนระบบราง โครงการใหญ่ๆ ที่ต้องลงทุน ผู้ว่าฯ กทม. บอกว่า จะมีการโอนภารกิจโครงการรถไฟฟ้าสายสีเทากับสายสีเงินให้รัฐบาล ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่าเราไม่มีเงิน แค่รถไฟฟ้าสายสีเขียวก็หมดตัวแล้ว ขณะที่การเจรจากับ BTS แม้จะมีสัญญาเดินรถไปจนถึงปี 2585 แต่ในปี 2572 สัญญาสัมปทานไข่แดงจะสิ้นสุดลง จะมีการจัดจ้าง จะคัดเลือกที่ปรึกษา พ.ร.บ.ร่วมลงทุน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน

เวลาที่เหลืออีกปีเศษ บนเก้าอี้ ผู้ว่าฯ กทม. ยังเป็นบทพิสูจน์ผลงานวัดใจคนกรุงเทพฯที่จะโบกธงให้ไปต่อ หรือ พอแค่นี้...

ทีมข่าว กทม.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่