เมื่อวันที่ 5 ก.ย.67 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวภายหลังประชุมหัวหน้าหน่วยงาน ถึงกรณีกระแสข่าว กทม.ประวิงเวลาจ่ายหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ให้กับบีทีเอสซี ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ซึ่งมีหนังสือแจ้งบังคับคดีแล้ว เป็นเงิน 14,549 ล้านบาท ว่า ยืนยันว่าไม่ได้ประวิงเวลา เนื่องจากมีขั้นตอนและต้องนำเข้าสภา กทม. เพื่อนำเงินสะสมจ่ายขาดมาจ่ายหนี้ ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากสภา กทม. แต่ขณะนี้สภา กทม.อยู่ระหว่างการพิจารณางบประมาณปี 2568 ต้องรอให้เสร็จก่อน โดยได้กำหนดกรอบเวลา 140 วัน แต่จะทำให้เหลือเพียง 100 วัน เพราะมีค่าดอกเบี้ย กทม.ไม่ได้มีเจตนาที่จะดึงเรื่อง เราเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องทำให้ถูกต้องตามระเบียบ
นายชัชชาติกล่าวว่า ส่วนกระบวนการการฟ้องคดีที่ 2 ต้องรอดูว่าจะเป็นอย่างไร แต่ได้ตั้งคณะกรรมการฝ่ายกฎหมายดูความผูกพันของคำพิพากษาครั้งนี้ จะมีผลผูกพันกับคดีที่ 2 ด้วยหรือไม่ อีกประเด็นที่ต้องดูคือการจ่ายเงินสัญญาจ้างเดินรถส่วนต่อขยายที่ 2 ที่ไม่เคยผ่านสภา กทม.เพื่อก่อหนี้ผูกพันเลย จะเอาเงินไปจ่ายได้หรือไม่ ในอนาคตต้องนำเข้าสภา กทม.ให้ถูกต้องตามกระบวนการให้เรียบร้อย ปัญหานี้เป็นของ สก.และผู้บริหาร กทม. ชุดที่ได้รับแต่งตั้งมาไม่ยอมจ่ายหนี้ ทำให้ต้องมาจ่ายหนี้ในชุดนี้ ส่วนนโยบายการซื้อคืนรถไฟฟ้า คงไม่ได้ทำทันที ขณะนี้ กทม.มีโครงการศึกษาการทำการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนอยู่แล้ว เพราะสัมปทานจะหมดภายใน 5 ปี หรือ 2572 ถ้ารัฐบาลจะทำให้คิดรวมเรื่องนี้ไปด้วยทุกอย่างเป็นไปได้ กทม.มีงบจำกัดเพียง 9 หมื่นล้านบาท เฉพาะค่าจ้างรถไฟฟ้าอย่างเดียว 8 พันล้านบาทหรือเกือบ 10% ของงบประมาณ ขณะที่มีรายได้เพียง 2 พันล้านบาท ขาดทุน 6 พันล้านบาท หลังจากสัมปทานหมด กทม.จะมีเงินเพิ่มขึ้น ถ้าวิธีไหนดีกับประชาชนสูงสุดต้องเลือกวิธีนั้น.
...