AI มาแรง จ๊อบไทย แชร์เทคนิคปรับกลยุทธ์องค์กร และแนวทางปรับตัวสำหรับคนทำงาน และนักศึกษาที่กำลังหางานในยุคใหม่

นางสาวแสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการของจ๊อบไทย หรือ JobThai กล่าวว่า แม้เทคโนโลยี AI จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ยังมีองค์กรในไทยไม่น้อยที่ยังไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้ ซึ่งถือเป็นเรื่องจำเป็นที่องค์กรต้องศึกษาและวางแผนที่จะนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้กับธุรกิจ เพื่อปรับตัวให้ทันกับการพัฒนาของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และในขณะเดียวกันต้องสนับสนุนพนักงานให้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในเรื่อง AI ด้วย

สำหรับองค์กรที่อยากเริ่มต้นใช้เทคโนโลยี AI นั้นต้องรู้ก่อนว่า AI มีหลายรูปแบบ สิ่งแรกที่ควรทำคือต้องดูรูปแบบธุรกิจของคุณว่าเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีมากขนาดไหน ถ้าจะต้องลงทุนเพิ่มจะมีผลตอบแทนที่คุ้มค่า มีประสิทธิภาพหรือลดต้นทุนในระยะยาวได้หรือไม่ ตัวอย่างการใช้ AI กับธุรกิจต่าง ๆ เช่น การใช้ AI ที่พัฒนาเพื่อการวิเคราะห์และประมวลผลในธุรกิจด้านการตลาดและการเงิน

ส่วนธุรกิจด้านการแพทย์ก็จะใช้ AI ในการตรวจจับความผิดปกติของร่างกาย ตลอดจนอาการเริ่มต้นของโรคหรือคาดการณ์แนวโน้มได้ล่วงหน้าจากข้อมูลผลการตรวจประกอบกับภาพถ่าย หรือคนทำงานในธุรกิจอื่นๆ ก็เริ่มมีการใช้งาน Generative AI กันมากขึ้น

...

เช่น การใช้ AI สรุปประเด็นที่เราต้องการรู้ให้เข้าใจง่ายๆ ต่อมาก็ต้องดูว่าหน้าที่หลักของพนักงานมีอะไรและมีส่วนไหนที่สามารถเอา AI มาช่วยให้พนักงานทำงานมีประสิทธิภาพดีขึ้นบ้าง

โดยสุดท้ายก็เป็นการประเมินและเตรียมพร้อมด้านทักษะให้กับพนักงานตามความเหมาะสมกับลักษณะงานและศักยภาพของพนักงานแต่ละคน ถ้าคนไหนมีความรู้ระดับพื้นฐานก็ต้องมีการอบรม Upskill หรือ Reskill เพื่อให้ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI ได้ คนไหนที่เก่งเรื่องการใช้งาน AI อยู่แล้วก็อาจจะเริ่มทดลองใช้ AI ในการทำงานจริง

รวมถึงทำหน้าที่อัปเดตข่าวสารเทคโนโลยีใหม่ที่จะเป็นประโยชน์กับการทำธุรกิจและเพื่อนร่วมงานเพื่อให้ทุกคนมีความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดในการทำงาน และส่งผลดีต่อองค์กรโดยรวม

ทั้งนี้องค์กรต้องมีการสื่อสารกับพนักงานที่มีความกังวลว่า AI จะมาทดแทนแรงงานมนุษย์ โดยต้องสื่อสารให้ชัดเจนคือเล่าทิศทางการพัฒนาองค์กรว่าจะใช้งานเทคโนโลยีอย่างไร และชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ที่ทั้งองค์กรและตัวพนักงานเองจะได้หากเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้

ด้านนายภารุต เพ็ญพายัพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MQDC Idyllias ภายใต้บริษัท แมกโนเลียควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MQDC บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย กล่าวว่า ปัจจุบันภายในองค์กรได้มีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ทำงานในชีวิตประจำวันของพนักงาน เช่น การใช้ Chat GPT หรือ Google Gemini เพื่อหาข้อมูลต่างๆ รวมถึงการใช้ AI ลดงานแอดมินอย่างสรุปการประชุม และในด้านของธุรกิจยังได้นำ AI มาช่วยส่งเสริมการขาย หรือสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์ของ MQDC ด้วยการพัฒนาเวอร์ชวลแกลเลอรี่ (Virtual Gallery)

ทั้งนี้เพื่อให้ข้อมูลผ่านช่องทางออนไลน์แก่ลูกค้าที่ไม่สะดวกเดินทางมาในโครงการ ในรูปแบบของ 3D ที่ให้ประสบการณ์เสมือนจริง และยังมี AI Agent ที่สามารถให้ข้อมูลและสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้ใกล้เคียงการคุยกับพนักงาน ซึ่งมี 3 ภาษา คือไทย อังกฤษ จีน อีกด้วย ซึ่งเทคโนโลยี AI เป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะทำให้ประสบการณ์บนตัวธุรกิจใหม่ในโครงการ MQDC Idyllias โครงการเมตาเวิร์สน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น

เมื่อพูดถึง AI ในมุมของคนทำงาน นายภารุต กล่าวว่า โดยทั่วไปคนทำงานจะมีการแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่มที่กระตือรือร้น อยากทดลองใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อพัฒนาทักษะและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตัวเอง และอีกกลุ่มอาจจะอยู่ในช่วงที่ยังปฏิเสธ รู้สึกไม่มั่นใจว่าจะใช้เทคโนโลยี AI ในการทำงานอย่างไร

ดังนั้น องค์กรต้องช่วยสนับสนุนคอร์สการเรียนรู้ และส่งเสริมให้พนักงานทุกคนทดลองใช้เครื่องมือต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ AI ในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น เมื่อทุกคนได้สัมผัสใกล้ชิดมากเท่าไหร่ ก็จะเห็นทิศทางพฤติกรรมของพนักงานว่าเริ่มไปในทิศทางที่พร้อมจะปรับตัวมากขึ้น

สำหรับมุมมอง AI กับบทบาทของผู้บริหารเองต้องวางแผนบริหารจัดการ ดูทิศทางการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และเลือกเครื่องมือที่มีอยู่มากมายในตลาดให้เหมาะสมและตอบโจทย์วัตถุประสงค์ในการดำเนินธุรกิจ เช่น ปัญหาที่อยากแก้ไขให้กับตัวลูกค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียคือเรื่องอะไร ใช้ประเด็นเหล่านี้ในการตั้งโจทย์เพื่อเลือกเครื่องมือที่มาแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด รวมถึงจะใช้ AI เป็นตัวส่งเสริมประสบการณ์ในการคิดนวัตกรรม หรือคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะตอบโจทย์ธุรกิจได้อย่างไรบ้าง เอามาเสริมในจุดนั้นจะเป็นวิธีการที่ทำให้เราขับเคลื่อนงานได้อย่างมีทิศทางมากที่สุด

...

นายณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอบริษัทอุ๊คบี (Ookbee) แพลตฟอร์มซื้อ-ขายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ และนักลงทุน ให้ความคิดเห็นและคำแนะนำเกี่ยวกับสถานการณ์ AI ในภาคธุรกิจไทยว่า สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังเริ่มศึกษาเรื่องการใช้ AI ต้องมองภาพให้ออกว่าคุณอยู่ในประเภทธุรกิจไหน แล้ว AI จะเข้ามามีผลกระทบกับประเภทธุรกิจของคุณมากน้อยอย่างไร และส่งผลกระทบในด้านใดบ้าง บางประเภทธุรกิจ AI อาจจะส่งผลกระทบไม่มากนัก

ในขณะที่บางธุรกิจมีความเสี่ยงที่จะโดน Disrupt ซึ่งอาจจะเป็นทั้งความเสี่ยงและโอกาสซึ่งผู้ประกอบการต้องปรับเปลี่ยนธุรกิจให้ได้ ปัจจุบันมีผู้ประกอบการไทยที่นำ AI มาใช้กับธุรกิจมากขึ้น ตัวอย่างธุรกิจขายปลีก (Retail) นำ AI เข้ามาใช้ตั้งแต่กระบวนการและขั้นตอนในการจัดสรรสินค้า (Supply Chain Optimization) เช่น การจัดการคลังสินค้า (Inventory Management)

โดยวิเคราะห์สต๊อกสินค้าว่าสินค้าไหนที่มีมากไปและมีโอกาสเสียหายหรือหมดอายุ สินค้าไหนที่ไม่เพียงพอต่อการขายซึ่งช่วยให้จัดการได้เร็วขึ้น รวมถึงการวางแผนเส้นทาง (Route Planning) ในการส่งสินค้าซึ่งช่วยคิดว่าจะต้องไปส่งสินค้าอย่างไรให้ประหยัดเวลาและน้ำมันมากที่สุด ตลอดจนฝั่งการขายก็มีการนำ AI มาใช้ในการเสนอสินค้าตามพฤติกรรมและความต้องการของแต่ละคน

...

นอกจากนี้จะเห็นว่า Generative AI ปัจจุบันสามารถสร้างทั้งข้อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอ และเป็น AI ที่ทำให้คนทั่วไปให้ความสนใจเป็นอย่างมากซึ่งดูเหมือนว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงกับงานคอนเทนต์ประเภทต่าง ๆ คุณณัฐวุฒิ ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าในระยะยาว AI ส่งผลกระทบโดยตรงกับผู้ผลิตคอนเทนต์โดยเฉพาะนักวาดภาพประกอบ

แต่ปัจจุบันทางด้านนักเขียน นักวาดภาพประกอบ ยังมีความกังวลเรื่องของลิขสิทธิ์ในการใช้ AI และมีการทำงานแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยและสนับสนุนความเป็นศิลปินอยู่ เลยยังไม่มีการนำ AI มาใช้ในงานมากนัก สำหรับด้านแพลตฟอร์มอุ๊คบีมีการนำ AI มาใช้ในการนำเสนอสินค้าในแพลตฟอร์มให้ตรงกับความสนใจของลูกค้ามากขึ้น ตลอดจนงานเอกสารต่างๆ

ส่วนคำแนะนำสำหรับผู้นำองค์กร ต้องเข้าใจอย่างแน่ชัดว่าธุรกิจของคุณต้องการอะไร และต้องพาบริษัทไปในโจทย์ที่ถูกว่าการใช้ AI จะช่วยให้ลดต้นทุนและเพิ่มกำไรได้อย่างไร

สำหรับคนทำงานทั่วไป หรือคนที่เพิ่งเรียนจบและหางานนั้น เรียกได้ว่า AI อัปเดตเร็วมากเราต้องเข้าไปมีส่วนร่วมและเรียนรู้ไปพร้อมกันเพราะถ้าไม่เริ่มเรียนรู้และรอให้เทคโนโลยีพัฒนาไปไกลอาจจะตกขบวนได้ คนทำงานสามารถทำได้โดยดูว่างานในหนึ่งวันของเราต้องทำอะไรบ้าง เช่น ประชุม เขียนอีเมล ผลิตคอนเทนต์ จากนั้นมาดูต่อว่ามี AI อะไรมาช่วยได้บ้าง ซึ่งทุกวันนี้ AI อาจจะยังไม่เพอร์เฟกต์แต่เราจะเห็นว่าพัฒนาการดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่เสียหายที่จะทดลองใช้

ทั้งนี้โลกธุรกิจและตลาดแรงงานในปัจจุบันมีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นฝั่งองค์กรควรกำหนดทิศทางการพัฒนาธุรกิจให้ชัดเจน และมีการเตรียมพร้อมเรื่องเทคโนโลยีให้กับบริษัทและพนักงาน ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ สนับสนุนให้ทดลองใช้เทคโนโลยีในงานมากขึ้น ด้านคนทำงานต้องมีพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ปรับตัวและเปิดรับสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ องค์กรและพนักงานก็จะเติบโตไปพร้อมๆ กัน

...