เรื่องแก้วสารพัดนึก หนึ่งใน “นิทานไทยโซ่ง” งานวิจัยของอาจารย์ เรณู เหมือนจันทร์เชย สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดล (พ.ศ.2545–2546)

ค่อยๆอ่าน แล้วช่วยนึก เคยอ่านจากที่ไหน?

มีผัวเมียคู่หนึ่งมีอาชีพหาปลา วิดปลาจากริมทะเลขายได้พออยู่พอกิน วันหนึ่งเกิดมีว่า ปลาในทะเลมีมาก ถ้าหากหาวิธีจับปลาทั้งทะเลมาขายได้ ก็น่าจะลืมตาอ้าปากร่ำรวยกับเขาสักครั้ง

คิดแล้ว สองผัวเมียก็ช่วยกันพายเรือไปกลางทะเลพยักหน้ากัน จะช่วยกันวิดน้ำทะเลให้แห้ง เพื่อจะได้จับปลาได้ง่ายๆ ว่าแล้ว ฝ่ายผัว ก็ไม่รอช้า เอาภาชนะวิดน้ำจากทะเลฟากตัวเอง ส่งให้เมียเทออกฟากเรือ ตรงข้าม

วิดกันตั้งแต่เช้ายันค่ำ น้ำทะเลก็ไม่ได้งวดลงเลย

สองผัวเมียหยุดพัก ช่วยกันพายเรือเข้าฝั่ง นอนพักเอาแรง รุ่งเช้าก็เริ่มต้นใหม่ ผัวตักน้ำทะเลฟากเรือซ้าย ส่งให้เมียเทลงทะเลฟากเรือขวา เหน็ดเหนื่อยกันเช่นนี้ ติดต่อกันหลายวัน

วิธีที่สองผัวเมียทำเป็นเรื่องโง่เง่า แต่เรื่องเกิดไปเข้าตา เทวดารักษาทะเล ทรงแปลกพระทัย เจ้าสองผัวเมียนี่ มันขยัน...อะไรของมันกันนักหนา

เทวดาเฝ้าดู...จนถึงวันที่ทนไม่ไหว ก็เหาะลงมาถาม พอได้ความว่าสองผัวเมียจะวิดทะเลให้แห้ง เพื่อจับปลาไปขาย...เทวดาก็หัวเราะ บอกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เอาเถิด...“ข้อดีของเจ้าอยู่ที่ความตั้งใจ”

ใครจะว่าอะไรก็ว่าไป แต่คงไม่ทันนึก บางเหลี่ยมโง่ก็ใช้ได้เหมือนกัน

ว่าแล้วเทวดา ก็ยื่นแก้วสารพัดนึกให้ แล้วย้ำ “อยากได้อะไรก็นึกเอา...แต่อยากได้แค่สามอย่าง”

สองผัวเมียพายเรือกลับถึงบ้านหารือกัน อยากได้อะไร แล้วก็สรุปข้อแรก อยากได้แก้วแหวนเงินทอง แค่นึก แก้วแหวนเงินทอง ก็ไหลมาเทมา แต่เกิดปัญหา แก้วแหวนเงินทองมีมากมากเกินไป ไม่มีที่เก็บ

...

สองผัวเมียช่วยกันคิด ก็สรุป อยากได้บ้านหลังใหญ่ๆ

มีบ้านเก็บแก้วแหวนเงินทองแล้ว คราวนี้ก็มีปัญหา จะดูแลบ้านดูแลทรัพย์สินเงินทอง แล้วความอยากข้อที่สาม อยากมีบ่าวไพร่ไว้ใช้สอย...ก็ตามมา

เป็นอันว่า สองผัวเมียเจ้าก็ได้ของทุกอย่าง อยู่เป็นสุขสบายเกินหน้าเกินตา เพื่อนบ้านละแวกเดียวกัน

สองผัวเมียบ้านใกล้...ตีสนิทเข้าไปถาม รู้ความลับ...ก็ทำตามบ้าง

เทวดารักษาทะเล ท่านก็ยังพาซื่อมาถาม...พูดจาไม่กี่คำ เทวดาใจดีก็เล่นบทเดิม ยื่นแก้วสารพัดนึกให้

แก้วสารพัดนึกกับมือ สองผัวเมียคู่นี้ เมียเป็นคนขี้งก ใจเร็วใจร้อน เร่งผัวให้รีบๆนึก จะเอาอะไร แต่ผัวใจเย็น ต่อรองเมีย ใจเย็นๆ ค่อยๆนึกดีกว่า?

เมียไม่ยอม เซ้าซี้หลายคำ จนผัวรำคาญ บ่นเสียงดังๆ “จะเอาตวัก อะไรกันเล่า”

ทันทีนั้น ตวักก็โผล่มาติดเต็มตัว ผัวตกใจกลัวลนลาน เมียก็ยังเร่งย้ำ ผัวก็หลุดปาก ขอให้ตวักหายไปจากตัว แต่เมื่อตวักหาย ก็พลอยเอามือและเท้าหายไปด้วย

คราวนี้ จึงเหลือคำขอที่สาม คือขอให้ตัวและมือเท้าคืนมา

เป็นอันว่า แก้วสารพัดนึกของเทวดา ให้ของที่อยากครบสามอย่าง สองผัวเมียคู่หลัง จึงไม่มีอะไร เหลือแต่ตัวเปล่าๆกลับบ้าน

นิทานไทยโซ่งเรื่องนี้ ตั้งใจสอนให้รู้ว่า จะทำอะไร ก็ต้องพร้อมใจกัน แต่หากใช้สอนท่านผู้มีบารมีการเมือง ก็น่าจะเปลี่ยนเป็นสอนว่า พลพรรคการเมืองที่อยากได้แบบเหมาเข่งนั้น...ควรคัดสรรนักการเมืองดีๆเอาไว้บ้าง

ถ้าได้นักการเมืองดีน้อย สถานะคำว่าพรรคอาจเปลี่ยนเป็นคำว่า“ก๊ก” เสียงรำพึงโจรครองเมืองจะเป็นเสียงดัง...เทวดาใจดี ก็คงไม่ใจดีต่อ ทหารก็จะใช้เป็นข้ออ้างขี่รถถัง กลับมาเป็นเรื่องน่าเบื่อเดิมๆ.

กิเลน ประลองเชิง

คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม