นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผช.รมต.ประจำกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ได้มอบหมายให้ตนเป็นหัวหน้าคณะเข้าร่วมประชุมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดการเรียนรู้ และประชุมสัมมนาความร่วมมือการพัฒนาการศึกษาระบบทวิวุฒิไทย-จีนระดับอาชีวศึกษาที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาเฟิงไถแห่งกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งได้มีการทำกรอบคุณวุฒิแห่งชาติและนโยบายธนาคารหน่วยกิตร่วมกับประเทศจีน

นอกจากนี้ ศธ.ยังได้รับความร่วมมือเพิ่มเติมด้านอาชีวศึกษาในกลุ่มสาขาวิชาไฟฟ้ากำลังที่จะมีการดำเนินการเพิ่มขึ้นร่วมกับประเทศจีนและการพัฒนาหลักสูตรอาชีวศึกษา โดยเฉพาะหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับด้านสิ่งแวดล้อม เช่น หลักสูตรอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าหรืออีวี หลักสูตรพลังงานโซลาร์เซลล์ เป็นต้น

ขณะเดียวกันตนยังได้เห็นการจัดการศึกษาของประเทศจีนมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในระบบการศึกษามากขึ้น ซึ่งทำให้ตนได้แนวคิดจากประเทศจีนมาต่อยอดแพลตฟอร์มเนื้อหาสาระการเรียนในการจัดการศึกษาของประเทศไทยเช่นเดียวกัน สำหรับแพลตฟอร์มสาระการเรียนรู้ที่อยากจะนำมาต่อยอดนั้นเราจะทำแพลตฟอร์มการจัดการเรียนการสอนของครูที่สามารถจ่ายงานได้ในห้องเรียน พร้อมกับตรวจคำตอบวิเคราะห์ได้ด้วยว่าห้องเรียนนี้มีเนื้อหาสาระตรงไหนที่เด็กทำได้และไม่ได้ รวมถึงตรวจสอบผู้เรียนแบบรายบุคคล ซึ่งจะทำให้ครูแก้ปัญหาในห้องเรียนได้ และยังสามารถกลับมาดูการจัดการเรียนการสอนย้อนหลังได้อีกด้วย เนื่องจากการจัดทำแพลตฟอร์มการเรียนรู้นั้นเราต้องการนำไปใส่ไว้ในอุปกรณ์เสริมการสอนที่จะแจกครูและนักเรียน

“แม้ ศธ.จะถูกตัดงบประมาณออกไปอยู่ในหมวดโครงการเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา anywhere anytime ด้วยการสร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนและครู ซึ่ง ศธ.ได้จัดทำคำของบฯในส่วนนี้ไป 7,644,068,100 บาท และได้รับการจัดสรรเพียง 3,395,466,600 บาท ยอมรับว่ากระทบกับนโยบายนี้ เพราะเราต้องการทำแพลตฟอร์มให้ครบทุกโมดูล แต่ด้วยภายใต้งบฯที่มีอยู่ก็คงจะดำเนินการได้ในบางส่วน ซึ่งนโยบายการเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลานั้นเราต้องการสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน เพื่อให้ครูสามารถเผยแพร่สื่อการสอนของตัวเองได้ในโรงเรียนที่ห่างไกล เช่น ร.ร.ใน กทม.ก็สามารถแชร์สื่อการสอนให้แก่ ร.ร.ในต่างจังหวัดเรียนรู้ร่วมไปพร้อมกันได้ ซึ่งถือเป็นการสร้างโอกาสทางการศึกษา” นายสิริพงศ์กล่าว.

...

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่