ระทึกถนนสุขาภิบาล 5 กลางดึก วิศวกรหนุ่มวัย 46 ขับบีเอ็มดับเบิลยู ชนดะรถยนต์ รถจักรยานยนต์ 6 คันตลอดถนน มีผู้บาดเจ็บ 9 คน ส่วนเจ้าตัวไปไม่รอดชนฟุตปาทแยกตลาดวงศกร เจ้าหน้าที่คุมตัวสอบปากคำพร้อมตรวจสารเสพติดและแอลกอฮอล์แต่ไม่พบ ขณะที่เจ้าตัวรับสารภาพวูบหมดสติเหตุเพราะเครียด แต่ละวันนอนพักผ่อนน้อย และไม่รู้ตัวว่าขับรถชนใคร มารู้ตัวอีกครั้งเมื่อกู้ภัยเข้ามาช่วย ยืนยันดูแลเยียวยาผู้เสียหายทุกคนเต็มที่ ขณะที่ผู้บาดเจ็บมี 1 ราย ยังนอนไอซียูไม่รู้สึกตัว ด้านตำรวจแจ้ง 4 ข้อหา

เหตุระทึกขวัญบนถนนสุขาภิบาล 5 ครั้งนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 4 ก.ค. พ.ต.อ.รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.สายไหม รับแจ้งเหตุมีรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู ขับไล่ชนรถยนต์รถจักรยานยนต์เสียหายหลายคัน มีประชาชนได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เหตุเกิดขึ้นหลายจุดบนถนนสุขาภิบาล 5 แขวงและเขตสายไหม กทม.รีบไปตรวจสอบพร้อมประสาน อปพร.เขตสายไหม เข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ

ที่เกิดเหตุอยู่ตลอดแนวถนนสุขาภิบาล 5 เจ้าหน้าที่พบรถชนระเนนระนาด 4 จุด จุดเเรกบริเวณซอยสุขาภิบาล 5 ซอย 86 สอบสวนบื้องต้นทราบว่ามีชายอายุ 40-50 ปีขับขี่รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู สีขาว รุ่น 530อี สีขาว ทะเบียน 1 ขถ 529 กรุงเทพมหานคร ขับชนรถยนต์โตโยต้า เซนทา สีขาว ทะเบียน 7 กฬ 8678 กรุงเทพมหานคร ผู้ขับเป็นหญิงบาดเจ็บที่ข้อมือ จุดที่ 2 บริเวณซอยสุขาภิบาล 5 ซอย 73 ขับชนรถยนต์เก๋งนิสสัน สีเทา ทะเบียน 5 กร 1255 กรุงเทพมหานคร มีผู้บาดเจ็บ 2 คน เป็นชาย 1 คน และหญิง 1 คน จุดที่ 3 บริเวณซอยสุขาภิบาล 5 ซอย 90 ชนกับรถ จยย. 2 คัน คันแรก รถ จยย.พีซีเอ็กซ์ ทะเบียน 5 กณ 7046 กรุงเทพมหานคร คันที่ 2 รถ จยย.ฮอนด้า คลิก ทะเบียน ฬจม 792 กรุงเทพมหานคร มีผู้บาดเจ็บเป็นชาย 2 คน หญิง 2 คน รวม 4 คน และจุดที่ 4 คือบริเวณซอยสุขาภิบาล 5 ซอย 73 รถคันเดิมยังขับชนกับรถยนต์โตโยต้า รุ่นครอส ทะเบียน 1 ขฉ 5054 กรุงเทพมหานคร และกระบะนิสสัน ทะเบียน 2 ฒช 2112 กรุงเทพมหานคร มีผู้บาดเจ็บ 2 คน รวมแล้วมีรถยนต์เสียหาย 4 คัน รถ จยย. 2 คัน มีผู้บาดเจ็บ 9 คน ทั้งหมดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสายไหม

...

ต่อมาเจ้าหน้าที่รับแจ้งว่าผู้ขับขี่รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู คันก่อเหตุเสียหลักพุ่งชนฟุตบาทบริเวณแยกตลาดวงศกร ในพื้นที่เขตสายไหม เร่งไปตรวจสอบพบรถเก๋งคันต้นเหตุสภาพหน้ารถพังยับ ควบคุมตัวคนขับทราบชื่อต่อมาคือนายธรรศ ศรีสมชัย อายุ 46 ปี ไปสอบสวนที่ สน.สายไหม เบื้องต้นนายธรรศยังไม่ให้การใดๆ เจ้าหน้าที่ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ โดยนายธรรศได้ขอประกันตัวออกไป พร้อมนัดจะมาให้ปากคำในช่วงสายวันที่ 5 ก.ค.นี้

ด้านญาติของหญิงที่นั่งซ้อนรถ จยย. 1 ในผู้บาดเจ็บที่ถูกนายธรรศขับรถพุ่งชนเผยว่า ผู้บาดเจ็บยังรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูจากอาการสมองได้รับความกระทบกระเทือน ขณะนี้ยังไม่ได้สติ ตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดผู้ที่ขับรถยนต์ชนถึงได้ขับรถเร็วทั้งที่ไม่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย อยากให้เข้ามารับผิดชอบชีวิตและทรัพย์สินผู้เสียหายอย่างจริงจัง และขอให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ขณะเดียวกันญาตผู้บาดเจ็บรายอื่นและผู้เสียหายได้เดินทางมาที่ สน.สายไหม แจ้งความลงบันทึกประจำวัน พร้อมพูดคุยกับประกันรถยนต์ของผู้ก่อเหตุ เพื่อเจรจาค่าเสียหาย

ต่อมาเวลา 11.30 น. วันที่ 5 ก.ค. ที่ สน.สายไหม พ.ต.อ.รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.สายไหม เปิดเผยหลังสอบปากคำนายธรรศว่า ผู้ก่อเหตุอ้างว่าวูบมีโรคความดัน ทั้งนี้จะแจ้ง 4 ข้อหา ขับรถโดยประมาทเฉี่ยวชนรถผู้อื่นเสียหาย, มีผู้ได้รับอันตรายแก่กาย, ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส, และขับรถเฉี่ยวชนแล้วหนี เมื่อแจ้งข้อกล่าวหาเสร็จสิ้นจะอนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งติดต่อได้ จากการสอบปากคำผู้ก่อเหตุให้การว่า หลังกลับจากทำงานได้แวะบ้านแม่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ก่อนจะออกไปบ้านพักอีกหลังอยู่ห่างกัน 2 กิโลเมตร ส่วนการตรวจสอบสารเสพติด และแอลกอฮอล์ไม่พบ แต่จะส่งตัวไปตรวจที่ รพ.ภูมิพลซ้ำ

ด้านนายธรรศ ศรีสมชัย ผู้ก่อเหตุ ยอมรับว่าทำงานเป็นวิศวกร เมื่อคืนที่ผ่านมามีอาการเครียดและนอนน้อย ได้นอนวันละ 4 ชั่วโมง เกิดอาการอ่อนเพลียประกอบกับมีอาการท้องเสียแวะเข้าห้องน้ำที่บ้านแม่ ที่บริเวณซอยสายไหม 86 จากนั้นจะขับรถกลับบ้านตัวเองอยู่ห่างไป 2 กิโลเมตร แต่ขณะเดินทางออกมา เกิดอาการวูบ กว่าจะรู้ตัวอีกทีว่าขับรถชนผู้อื่นตอนที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยมาเจอ ยืนยันไม่รู้ตัวว่าขับรถชนผู้อื่นและรถยนต์คันอื่นถึง 4 จุด รวมถึงขับรถพุ่งชนไม้กั้นหน้าหมู่บ้านแม่อีก 1 จุด รวมเป็น 5 จุด ก่อนหน้าไม่เคยมีอาการแบบนี้ เพิ่งเป็นครั้งแรกพร้อมจะดูแลและเยียวยาผู้เสียหายทุกคนอย่างเต็มที่ หลังเกิดเหตุได้เจอกับญาติผู้เสียหายและยกมือไหว้ขอโทษตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

ด้านแฟนสาวของผู้ต้องหาเปิดใจว่า นายธรรศมีโรคประจำตัวแค่โรคความดัน ที่ผ่านมาแฟนตนทำงานหนักมากต้องประสานงานกับลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศ มีช่วงเวลาที่แตกต่างกันถ้าลูกค้าเรียกประชุมก็ต้องประชุมด่วน ทำให้มีอาการอ่อนเพลีย ที่ผ่านมาเคยเตือนด้วยความเป็นห่วง แต่แฟนยืนยันว่าไม่เป็นไร ยังทำงานไหว ยืนยันว่าจะเยียวยาชดใช้ผู้เสียหายทุกคนอย่างเต็มที่ ขอให้ผู้เสียหายและญาติสบายใจได้

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่