เหตุระทึกบนถนนพระราม 2 เกิดซ้ำอีก หลังสลิงยกกระเช้าขาด ทำทีมงานวิศวกรที่มาเปลี่ยนน้ำมัน หล่อลื่นโช้กไฮดรอลิกคานเหล็กยกรางรองรับพื้นถนนทางด่วน โครงการก่อสร้างทางด่วนยกระดับพระราม 2 ช่วงทางเลี้ยวออกถนนกาญจนาภิเษก ดับ 1 เจ็บ 1 หลังเกิดเหตุผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมทางหลวงลงพื้นที่ ระบุเหตุเกิดจากความประมาท ไม่ใช้อุปกรณ์เซฟตี้ระหว่างทำงาน เบื้องต้นสั่งให้หยุดการก่อสร้าง 3 วันพร้อมเสียค่าปรับ

เหตุสลิงรถเครนยกกระเช้าขาดทำทีมงานวิศวกรดับ 1 เจ็บ 1 เกิดขึ้นเมื่อเวลา 12.55 น. วันที่ 18 ม.ค. พ.ต.ท.ทนงศักดิ์ เพ็ชรประกอบ รอง ผกก. (สอบสวน) สน.แสมดำ รับแจ้งเหตุสลิงรถเครนขาดมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตรวม 2 ราย เหตุเกิดบนถนนพระราม 2 ใกล้ปากซอย 72 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ปรีชา หนูสลุง ผกก.สน.แสมดำ ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.แสมดำ แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานและมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนพระราม 2 ฝั่งขาเข้า ช่วงทางโค้งเลี้ยวออกถนนกาญจนาภิเษก เป็นพื้นที่ก่อสร้างทางด่วนยกระดับพระราม 2 พบรถเครนขนาดใหญ่ ยี่ห้อ Tanado สีเหลือง ทะเบียน TR-5049 ของโครงการก่อสร้างสะพานทางด่วนยกระดับพระราม 2 จอดอยู่ มีกระเช้าเหล็กลักษณะสี่เหลี่ยมเป็นลูกกรง ไม่มีฝาปิด ขนาดกว้าง 1 เมตร สูง 1.5 เมตร ไว้ใช้สำหรับขนของล้มตะแคงซ้าย ภายในพบศพนายวิภาค พรหมประสงค์ อายุ 44 ปี ผู้ช่วยวิศวกร ในชุดเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ขายาวสีฟ้า รองเท้าผ้าใบและสวมถุงมือ นอนหงายเท้าทั้งสองข้างอยู่ในกระเช้า มีเลือดออกจากปากและจมูก เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูรีบปั๊มหัวใจปฐมพยาบาลแต่ไม่เป็นผลเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน ทราบชื่อนายธีรภัทร์ ขันนอก อายุ 24 ปี ตำแหน่งวิศวกร เจ้าหน้าที่รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงเพื่อรักษาเป็นการด่วน

...

สอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตกับผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นทีมงานวิศวกรขึ้นไปบนกระเช้าโดยใช้ลูกรอกยกกระเช้าขึ้นไปเพื่อเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นโช้กไฮดรอลิกคานเหล็กยกรางรองรับพื้นถนนทางด่วนที่อยู่สูงขึ้นไปกว่า 15 เมตร ระหว่างที่ทั้งคู่อยู่บนกระเช้าไม่ได้ส่งสัญญาณถึงความผิดปกติของเครนและกระเช้า จากนั้นไม่นานมีเสียงลั่นดังสนั่นสายสลิงดึงกระเช้าขาดหล่นกระทบพื้นอย่างแรง ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว

ขณะที่ พ.ต.ท.ทนงศักดิ์เปิดเผยว่า เบื้องต้นคาดเป็นเหตุสลิงขาด ต้องสอบปากคำผู้ขับรถเครนอย่างละเอียด หลังจากนี้จะเชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดไปสอบสวนด้วยว่าเกิดจากความผิดพลาดส่วนใดและผู้ใดทำให้เกิดเหตุหรือเกิดจากความประมาทของผู้ใดหรือไม่ พร้อมตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อสรุปสำนวนตามขั้นตอน

ด้านนายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม ในฐานะโฆษกกระทรวงคมนาคม ที่เดินทางมายังจุดเกิดเหตุ เผยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เกิดในช่วงขั้นตอนของการดำเนินการก่อสร้าง ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บและคนขับเครนเป็นทีมงานวิศวกรมาเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นโช้กไฮดรอลิกคานเหล็กยกรางรองรับพื้นถนนทางด่วน โดยใช้รถเครนขนาดใหญ่ยกกระเช้าแบบลูกรอกลำเลียงน้ำมันและคนขึ้นไป แต่ระหว่างที่คอเครนยืดสุดคนขับรถเครนไม่ได้ปลดล็อกและฝืนเร่งเครื่อง ทำให้ระบบขัดข้องจนเกิดการกระตุกลวดสลิงจนขาด ทั้งนี้ ต้องตรวจสอบรายละเอียดอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะวิธีขั้นตอนการลำเลียงขนของในช่วงเกิดเหตุ ส่วนอุปกรณ์และสภาพของรถเครนนั้นต้องตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ทีมงานวิศวกรที่บาดเจ็บและเสียชีวิตมีประกันชีวิตและประกันอุบัติเหตุกับบริษัทต้นสังกัด

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า โดยปกติการที่จะใช้กระเช้าลำเลียงคน ต้องเป็นรถเครนที่มีกระเช้าติดอยู่ในตัว ไม่ใช่ใช้ลูกรอกยกกระเช้าขึ้นไป การกระทำดังกล่าวไม่เข้าข่ายผิดข้อกฎหมาย แต่ทางกรมทางหลวงจะคาดโทษสั่งให้หยุดดำเนินการก่อสร้าง 3 วัน และเสียค่าปรับก่อนจะอนุญาตให้ดำเนินการก่อสร้างได้อีกครั้ง ซึ่งจะเป็นผลเสียของผู้รับเหมาก่อสร้างหรือผู้รับผิดชอบงาน ส่วนเรื่องอุปกรณ์เซฟตี้จากที่ได้รับรายงาน ทีมงานวิศวกรที่บาดเจ็บและเสียชีวิตไม่ได้ใช้อุปกรณ์เซฟตี้ การทำงานในไซต์งานก่อสร้างระดับนี้ ทุกอย่างจะต้องเพียบพร้อม โดยเฉพาะการไม่ให้เกิดอุบัติเหตุในระหว่างทำงาน เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดต่อพนักงานงานและประชาชนที่สัญจรอยู่บนถนนด้านล่าง

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่