“สารวัตรอาร์ม” พนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ลูกชายอดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.อ.สันติ เพ็ญสูตร เปิดใจหลังยื่นหนังสือลาออกจากราชการกับ ผกก.สน.พระโขนง แล้ว หลังเรียนจบ นรต.รุ่น 64 อยู่ในสายงานสอบสวนมาตลอด ได้ทุนสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน ไปเรียนภาษาจีนตั้งแต่ระดับปริญญาตรีถึงปริญญาโทรวม 7 ปี จนเชี่ยวชาญ ถูกเรียกตัวไปช่วยงานคดีใหญ่เกี่ยวกับคนจีนมากมาย แต่กลับถูกย้ายจากตำรวจท่องเที่ยวมาเป็นพนักงานสอบสวนโรงพัก หลังผ่านการแต่งตั้งโยกย้าย 3 รอบไม่มีอะไรดีขึ้น ผู้บังคับบัญชาไม่เห็นคุณค่าตัดสินใจขอลาออก ทั้งหมดปรึกษาครอบครัวแล้ว ไม่มีใครขัดข้อง
กรณีสื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่จดหมาย ลาออกจากราชการของนายตำรวจระดับสัญญาบัตร ลงชื่อ พ.ต.ท.บดินทร เพ็ญสูตร สว. (สอบสวน) สน.พระโขนง เนื่องจากไม่พอใจการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ระดับ รอง ผบก.-สว.ครั้งล่าสุด ไม่ตรงกับความรู้ความสามารถ ความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 14 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์ติดต่อไปยัง พ.ต.ท.บดินทร เพ็ญสูตร หรือสารวัตรอาร์มเปิดใจถึงการตัดสินใจลาออกครั้งนี้ โดย พ.ต.ท.บดินทรเผยว่า ตนเรียนจบเตรียมทหารรุ่น 48 นรต.รุ่น 64 รับราชการมารวม 18 ปี ช่วงที่เป็นตำรวจได้รับทุนจากสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน ไปศึกษาด้านภาษาจีนที่เมืองเซี่ยะเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน ใช้เวลา 4 ปีเรียนจบระดับปริญญาตรี และต่อระดับปริญญาโทอีก 3 ปีจนมีความเชี่ยวชาญด้านภาษาจีน ถูกดึงตัวไปช่วยงานคดีใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับคนจีนมานับครั้งไม่ถ้วน
“ตั้งแต่รับราชการระดับ ร.ต.ต.จนถึง ร.ต.อ.อยู่ในสายงานสอบสวนมาตลอด จนกระทั่งมาติดยศสารวัตรที่ สว.อก.บก.ทท. หลังจากนั้นไม่นานกลับถูกย้ายไปเป็น สว.สอบสวน สน.ภาษีเจริญ และคำสั่งช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ถูกย้ายอีกครั้งมาอยู่งานสอบสวน สน.พระโขนง ตลอดระยะเวลารับราชการ ถูกขอตัวไปช่วยเป็นล่ามแปลภาษาจีนมาตลอด แต่ผู้บังคับบัญชาไม่เคยเห็นคุณค่าในความสามารถเฉพาะตัว ของผมเลย ไม่เคยเสนอว่าอยากจะไปอยู่ตำรวจท่องเที่ยว หรือตรวจคนเข้าเมืองหรือไม่ ผมอยู่ที่ไหนก็ได้ที่มีการใช้ภาษาจีน ยังมีอีกหลายหน่วยงาน” สารวัตรอาร์มกล่าว
...
พ.ต.ท.บดินทรกล่าวต่อว่า ตนเฝ้าดูการแต่งตั้งโยกย้ายมาหลายครั้ง แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จึงปรึกษาที่บ้านว่าจะลาออกไปทำธุรกิจที่ต้องใช้ภาษาจีน ที่บ้านไม่ได้ขัดอะไร ตนรักงานตำรวจ ทุ่มเทเต็มที่ แต่ผลที่ออกมากลับตรงกันข้าม ตนยื่นหนังสือลาออกกับ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ประดับไทย ผกก.สน.พระโขนงไปแล้ว แต่ท่านยังไม่ได้เซ็นหนังสือลาออกให้ เพื่อนหลายคนก็มาเกลี้ยกล่อมให้รับราชการต่อไป ขอยืนยันเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจะลาออก แต่ถ้ามีคำสั่งใหม่ให้โยกย้ายไปในหน่วยที่ได้ใช้ภาษาจีน ตนก็พร้อมจะทำหน้าที่ตำรวจต่อไป เพราะเป็นงานที่ตนรัก
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการตรวจสอบพบว่า พ.ต.ท.บดินทร เพ็ญสูตร เป็นบุตรชายของ พล.ต.อ.สันติ เพ็ญสูตร อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. นักเรียนนายร้อยรุ่น 29 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีต ผบ.ตร. ก่อนเกษียณอายุราชการเข้าโครงการเออร์ลี่รีไทร์ จากยศ พล.ต.ท.จึงได้ยศ พล.ต.อ. ส่วนเนื้อความในจดหมายลาออกของ พ.ต.ท.บดินทรที่เผยแพร่ทางโซเชียล ลงวันที่ 12 ธ.ค.66 ความว่า เรื่องขอลาออกจากราชการ เรียน ผกก.สน. พระโขนง (ผ่านผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น) ด้วยข้าพเจ้า พ.ต.ท.บดินทร เพ็ญสูตร ตำแหน่ง สว. (สอบสวน) สน.พระโขนง เริ่มรับราชการ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2550 ปัจจุบันได้รับเงินเดือนระดับ ส.3 ขั้น 6.5 (24,490 บาท) มีความประสงค์ขอลาออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2566
เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ข้าพเจ้าเป็นตำรวจ ข้าพเจ้าอุทิศตนปฏิบัติหน้าที่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาตลอด นำความรู้ความสามารถที่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้และสั่งสมมาตลอดทั้งชีวิต เพื่อปฏิบัติหน้าที่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะทักษะด้านภาษาจีนที่ข้าพเจ้าทุ่มเทศึกษาจนชำนาญ เข้าร่วมทำคดีสำคัญต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคนจีน ตั้งแต่ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่แอบมาเปิดฐานอยู่ในประเทศไทย ติดตามประสานงานจนสามารถจับกุมกลุ่มคนไทยที่ไปเปิดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สาธารณรัฐ ประชาชนจีน ปราบปรามผู้มีอิทธิพลชาวจีนที่มากระทำผิดในประเทศไทย ฯลฯ รวมถึงการเป็นล่ามให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงเมื่อมีการประชุมหารือกับตัวแทนจากสถานทูตจีนหรือกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน และเป็นผู้ประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกระทรวงความมั่นคง สาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีนในการปฏิบัติงานด้านต่างๆอีกด้วย
การแต่งตั้งโยกย้ายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 3 ครั้งล่าสุด พิสูจน์ให้ข้าพเจ้าเห็นแล้วว่า ผู้บังคับบัญชาไม่ได้มองเห็นความสามารถของข้าพเจ้าในการปฏิบัติหน้าที่ จึงไม่ได้ย้ายข้าพเจ้าให้ไปดำรงตำแหน่งที่เหมาะสม ด้านภาษา อีกทั้งให้ข้าพเจ้าอยู่ในหน่วยงานที่ไม่ได้ใช้ความสามารถของข้าพเจ้าในการปฏิบัติหน้าที่
ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าจะพยายามทุ่มเทช่วยเหลืองานนอกเหนือจากงานในหน้าที่ของตนอย่างไรก็ตาม ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าไม่เพียงพอที่จะทำงานให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณผู้บังคับบัญชาที่ได้ทำให้ความฝันของข้าพเจ้าที่จะลาออกจากการเป็นตำรวจตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนเตรียมทหารนั้นสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และขอขอบพระคุณอีกครั้งที่นึกถึงกันเวลามีคดีสำคัญที่เกี่ยวกับคนจีน แต่กลับมองข้ามเมื่อถึงเวลาพิจารณาแต่งตั้งโยกย้าย เมื่อผู้บังคับ บัญชาพิจารณาแล้วว่าข้าพเจ้าไม่มีความเหมาะสมที่จะได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายไปดำรงตำแหน่งที่เหมาะสมกับความสามารถของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงขอย้าย ตนเองไปอยู่ในงานที่เหมาะสมต่อไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา ลงชื่อ พ.ต.ท.(บดินทร เพ็ญสูตร) สว. (สอบสวน) สน.พระโขนง
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่