ศาลปกครองกลาง พิพากษาเพิกถอนค่าปรับจราจรแบบใบสั่งจราจร เป็นกฎไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญทางอาญา ด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อุทธรณ์คำพิพากษา ให้ทุกหน่วยถือปฏิบัติตามเดิม จนกว่าจะมีคำสั่งกำหนดเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

จากกรณีศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาเพิกถอนประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องกำหนดแบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจร พ.ศ.2563 ลงวันที่ 20 ก.ค.2563 และประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดจำนวนค่าปรับตามที่เปรียบสำหรับความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 พ.ศ.2563 ลงวันที่ 20 ก.ค.2563 โดยให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่ออก ประกาศดังกล่าว ซึ่งขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญทางอาญา และขัดต่อมาตรา 26 และมาตรา 29 ของรัฐธรรมนูญ เป็นการออกกฎที่ขัดต่อหลักนิติธรรมไม่เปิดโอกาสให้โต้แย้งคัดค้าน อีกทั้งทำให้ผู้ถูกกล่าวหา ไม่ได้รับการพิจารณาโทษตามข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์แห่งการกระทำ

ล่าสุดวันที่ 6 ต.ค. ศาลให้เหตุผลว่า ประกาศทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 เป็นกฎหมายที่มีโทษทางอาญา การลงโทษผู้กระทำความผิดได้ จะต้องปราศจากข้อสงสัย แต่ปรากฏว่ารูปแบบใบสั่งที่กำหนดขึ้นใหม่ตามประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง กำหนดแบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจร พ.ศ.2563 ได้ตัดสาระสำคัญในส่วนของการปฏิเสธการกระทำความผิดตามใบสั่ง บันทึกของผู้ต้องหา และบันทึกของพนักงานสอบสวน กำหนดไว้เพียงวิธีการชำระค่าปรับด้วยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ย่อมทำให้ผู้รับใบสั่งเข้าใจว่า ตนมีหน้าที่ต้องชำระค่าปรับเท่านั้น

นอกจากนี้ การที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ผบ.ตร.กำหนดให้มีการเชื่อมโยงการชำระค่าปรับกับการชำระภาษีรถประจำปี หากเจ้าของรถไม่ชำระค่าปรับ เมื่อไปชำระภาษีประจำปี จะได้รับเพียงเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีชั่วคราว 30 วัน เมื่อพ้น 30 วัน หากไม่ชำระค่าปรับและนำรถไปใช้ ก็จะมีความผิดฐานใช้รถที่ไม่ติดเครื่องหมายที่นายทะเบียนออกให้ เป็นการออกประกาศขัดต่อหลักนิติธรรม ไม่เปิดโอกาสให้โต้แย้งคัดค้าน อีกทั้งทำให้ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้รับการพิจารณาโทษตามข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์แห่งการกระทำ ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และกฎหมายจราจรทางบก พ.ศ.2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติมนั้น มุ่งควบคุมกำกับการใช้รถให้เกิดความปลอดภัย ส่งเสริมวินัยจราจร และให้มีการลงโทษผู้กระทำผิดตามพฤติการณ์แห่งการกระทำผิดด้วยความเสมอภาค

...

ด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พักพาล รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบด้านงานความมั่นคงและกิจการพิเศษ มีคำสั่งในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้การปฏิบัติงานจราจรในการออกใบสั่งการใช้เกณฑ์จำนวนค่าปรับตามที่เปรียบเทียบ และการใช้งานระบบ PTM ให้ทุกหน่วยถือปฏิบัติตามเดิมจนกว่าจะมีกฎ ระเบียบ คำสั่ง กำหนดเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น เนื่องจากขณะนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง

นายวีรศักดิ์ โชติวานิช อุปนายกสภาทนายความและรองโฆษกสภาทนายความ กล่าวว่า คำสั่งศาลปกครอง จะถูกทุเลาการบังคับคดีโดยอัตโนมัติ ถ้ามีการยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลปกครองสูงสุด นี่คือหลักของคดีปกครอง ต่างจากหลักการตามวิธีพิจารณาความแพ่ง

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่