เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 66 นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กล่าวถึงการบังคับคดีหลังศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเพิกถอนใบแจ้งหรือใบอนุญาตก่อสร้างอาคารโครงการแอชตัน อโศก ซอยสุขุมวิท 21 เนื่องจากไม่เป็นไปตามกฎกระทรวงของ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ว่า เป็นหน้าที่ของ กทม. ที่จะต้องปฏิบัติและออกคำสั่งบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาล ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดโดยเร็ว ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร 2522 กทม.ต้องมีหนังสือแจ้งข้อทักท้วงไปยังผู้แจ้งหรือผู้ขออนุญาตให้รีบแก้ไขให้เป็นไปตามกฎหมายภายในระยะเวลาที่กำหนดแต่ต้องไม่น้อยกว่า 30 วัน และหลังจากนั้น กทม.ต้องมีคำสั่งให้ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารหรือบุคคลใดเข้าไปใช้อาคารดังกล่าวและจัดให้มีเครื่องหมายแสดงการห้ามใช้อาคารไว้ในที่เปิดเผยและเห็นได้ง่าย ณ อาคารหรือบริเวณดังกล่าว ตามมาตรา 40 โดยเร็ว
นายศรีสุวรรณกล่าวว่า แม้กฎหมายกำหนดว่า หากมีความเป็นไปได้ว่าข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นสามารถที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงทางเข้า-ออกอาคารให้เป็นไปตามกฎหมายหรือให้ถูกต้องได้ กทม. มีอำนาจสั่งให้บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด เจ้าของอาคารแอชตัน อโศก ยื่นคำขออนุญาตหรือดำเนินการแจ้งตามมาตรา 39 ทวิ หรือดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่ต้องไม่น้อยกว่า 30 วัน และในกรณีที่มีเหตุอันสมควรที่มีเหตุผลเพียงพอ กทม.จะขยายเวลาดังกล่าวออกไปอีกก็ได้ แต่ก็ต้องมีระยะเวลาที่ชัดเจนไม่ยาวนานจนเกินไป ซึ่งก็น่าจะไม่เกิน 45 วัน แต่หากบริษัทเจ้าของโครงการดังกล่าว ไม่สามารถจัดซื้อจัดหาที่ดินเป็นทางเข้า-ออกอาคารกว้าง 12 เมตรขึ้นไปตามที่กฎหมายกำหนดได้ กทม.ต้องดำเนินการตามมาตรา 42 โดยเคร่งครัด คือ ต้องออกคำสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคาร ผู้ควบคุมงานหรือผู้ดำเนินการรื้อถอนอาคารนั้นทั้งหมด หรือบางส่วนได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดแต่ต้องไม่น้อยกว่า 30 วัน ตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด
...
นายศรีสุวรรณย้ำว่า พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร 2522 มีกรอบการทำงานให้ กทม.ต้องปฏิบัติไว้ชัดเจนแล้ว กทม.จะทำตัวเป็นพ่อพระใจดี ปล่อยให้อาคารดังกล่าวใช้ประโยชน์ต่อไปโดยไม่มีกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน โดยไม่ออกคำสั่งใดๆตามขั้นตอน วิธีการตามที่กฎหมายกำหนดไม่ได้ อย่าลืมว่า กทม.ไม่ใช่หน่วยงานรัฐอิสระ หากแต่ยังมีองค์กรหรือหน่วยงานตรวจสอบ กทม.อยู่ คือ ป.ป.ช.และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง.