คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดี “ทุจริตยักยอกการขายปลาปันส่วนที่ได้จากการประมง ที่ผิดกฎหมาย” สั่งฟันเจ้าหน้าที่รัฐ-พลเรือน 7 คน ร่วมกันจัดฉากโกงขายปันส่วนปลาแช่แข็งที่กรมศุลกากรตรวจยึดปลาแช่แข็งนำเข้า 7 ตู้คอนเทนเนอร์จากเรือต่างชาติทำประมงผิดกฎหมาย ชักธงเรือ 2 สัญชาติ เมื่อปี 62 หลังถูกผู้แทนสหภาพยุโรปตั้งข้อสังเกต เผยผู้ต้องหาคนสำคัญมีทั้งประธานสโมสรฟุตบอลในไทยลีก 2 และอดีต ผอ.สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ
ดำเนินคดีเจ้าหน้าที่รัฐ-พลเรือน 7 คน ร่วมโกงขายปันส่วนปลาแช่แข็งประมงผิดกฎหมาย โดยเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง (ศพดส.ตร.) ประชุมติดตามคืบหน้าคดี ทุจริตยักยอกการขายปลาปันส่วนที่ได้จากการประมงที่ผิดกฎหมาย หรือคดีปันส่วนสัตว์น้ำ กรณีผู้แทนสหภาพยุโรปประเมินมาตรการป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์และแรงงานในภาคประมงของประเทศไทย ตั้งข้อสังเกตกรณีตรวจพบเรือประมงนำเข้าปลาที่ได้จากการทำประมงผิดกฎหมายเข้ามาจำหน่ายที่ประเทศไทยถูกกรมศุลกากรตรวจยึดและขายปันส่วนไปเมื่อปี 62 เป็นการดำเนินการที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
สืบเนื่องจากวันที่ 1 ต.ค.62 กรมศุลกากรตรวจยึดปลาแช่แข็งนำเข้า 7 ตู้คอนเทนเนอร์ นำเข้ามาเพื่อจำหน่ายในประเทศไทยผ่านท่าเรือศุลกากรพระสมุทรเจดีย์ 1 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนัก 26 ตัน และสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพจำนวน 6 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนัก 147 ตัน ทั้งหมดเป็นปลาที่ได้จากเรือประมงที่มีพฤติการณ์ต้องสงสัยในการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU) กรมศุลกากรสั่งให้ผู้นำเข้าปลาดังกล่าวมาดำเนินพิธีการขาเข้าแต่ทำไม่ได้เพราะปลาดังกล่าวได้มาจากเรือ WADANI 2 ต้องสงสัยว่าทำประมงโดยผิดกฎหมายชักธงเรือ 2 สัญชาติ ต่อมาวันที่ 7 พ.ย.62 กรมศุลกากรขายปันส่วนปลาแช่แข็งดังกล่าวไปทั้งหมด กระทั่งเดือน พ.ค.63ก่อนการประชุมร่วมกับสหภาพยุโรปเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และแรงงานในภาคประมงของประเทศไทย สหภาพยุโรปตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่าปลาแช่แข็งต้องสงสัยได้จากการทำประมงผิดกฎหมายและถูกขายปันส่วนออกไปนั้น ดำเนินการอย่างถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่ กรมศุลกากรจึงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการขายปันส่วนและสรุปผลการตรวจสอบเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.63 เสนอให้ลงโทษนายกีรติ หรือยะโกป เส็นติระ หัวหน้าฝ่ายของกลางและของตกค้างกรมศุลกากร ในขณะนั้น กรณีผิดวินัยไม่ร้ายแรงจากการไม่ดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้องและรายงานผลการตรวจสอบดังกล่าวให้คณะอนุกรรมการตรวจสอบและติดตามการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาการทำประมงและแรงงานในภาคประมง (อ.2) พิจารณา พร้อมรายชื่อผู้ซื้อปันส่วนจำนวน 98 คน
...
ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ม.ค.65 หลังจากคณะอนุกรรมการ อ.2 ตรวจสอบตามรายงานที่ได้จากกรมศุลกากรแล้ว ส่งประเด็นให้กรมศุลกากรตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายชื่อผู้ซื้อปันส่วนทั้ง 98 คนและขั้นตอนการปันส่วน เนื่องจากพบบางรายชื่อที่ถูกกล่าวอ้างแต่ไม่ได้ลงชื่อเข้าขอปันส่วนจริง กรมศุลกากรมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง แต่การตรวจสอบครั้งนี้กลับไม่นำเอาผลการตรวจพบรายชื่อที่ไม่ได้ลงชื่อเข้าขอปันส่วนมาตรวจสอบด้วยและเร่งสรุปผลกลับมายังคณะอนุกรรมการ อ.2 ในวันที่ 8 มิ.ย.65 เสนอให้มีการลงทัณฑ์นายกีรติเกี่ยวกับกรณีนี้ ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าคณะทำงานเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ควบคุมและเฝ้าระวังการทำประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายในขณะนั้น สั่งการให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบกระทั่งพบว่าหลังจากที่กรมศุลกากรอนุมัติให้ขายปันส่วนปลาแช่แข็งทั้งหมด 7 ตู้คอนเทนเนอร์นั้น พบการปันส่วนตามขั้นตอนจริงจำนวน 1 ตู้คอนเทนเนอร์ ดำเนินการโดยด่านศุลกากรพระสมุทรเจดีย์ ที่เหลืออีก 6 ตู้คอนเทนเนอร์ ที่ถูกตรวจยึดที่สำนักศุลกากรท่าเรือกรุงเทพน้ำหนัก 147 ตันนั้น ก่อนเปิดตู้คอนเทนเนอร์เพื่อขายปันส่วนปลานั้น ทั้งหมดมีการเจรจาแบ่งผลประโยชน์กันหลายฝ่าย วางแผนจัดฉากให้เสมือนว่ามีการจำหน่ายปันส่วนจริง 15 ตัน ให้นายบุญมา สิริธรังศรี ผอ.สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพในขณะนั้น จำนวน 10 ตัน นายกีรติ เส็นติระ จำนวน 5 ตัน กลับไม่มีการจ่ายเงินแต่อย่างใด ส่วนปลาแช่แข็งที่เหลืออีก 132 ตัน น.ส.ชญาภรณ์ โตส้ม เป็นเอเย่นต์ผู้เหมาปลาทั้งหมดเพียงเจ้าเดียว และมีการจัดทำรายชื่อผู้ขอซื้อปันส่วนปลา 98 คนขึ้นมาเพื่อใช้ประกอบให้ครบขั้นตอน น.ส.ชญาภรณ์นำเงินมาชำระค่าปลาแช่แข็งตามระบบเพียง 1.859 ล้านบาท พร้อมมอบเงินเป็นการส่วนตัวให้กับนายกีรติ เส็นติระ อีก 871,000 บาท
นอกจากนี้ จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า ในช่วงที่มีการตั้งกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ของกรมศุลกากร พบว่า มีผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบ กระทำการเข้าข่าย ม.157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อช่วยเหลือให้นายกีรติรับโทษทางวินัยน้อยลง ชุดสืบสวนรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเข้าร้องทุกข์ดำเนินคดีที่ สน.ท่าเรือแต่เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีสำคัญและมีความเกี่ยวข้องกับการประมงผิดกฎหมาย เป็นนโยบายสำคัญระดับชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเพื่อรับผิดชอบคดีดังกล่าว เพื่อดำเนินคดีผู้ต้องหา 7 คน ตามฐานความผิดของแต่ละบุคคล ประกอบด้วย นายกีรติ หรือยะโกป เส็นติระ หัวหน้าฝ่ายของกลางและของตกค้างฯ ทำหน้าที่หัวหน้าการขายปันส่วนสัตว์น้ำ ปัจจุบันเป็นประธานสโมสรฟุตบอล “คัสตอม ยูไนเต็ด” ในไทยลีกสอง น.ส.สุดารัตน์ แสนอ้วน กรรมการขายปันส่วนสัตว์น้ำ น.ส.ปานวาด วงส์สาตร์ กรรมการขายปันส่วนสัตว์น้ำ น.ส.ชญาภรณ์ โตส้ม เป็นผู้สนับสนุนการทุจริตขายปันส่วนโดยการเหมาซื้อโดยผิดขั้นตอน นายบุญมา สิริธรังศรี อดีต ผอ.สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ เป็นผู้รับซื้อปลาแต่ไม่ชำระเงินเข้าระบบ นางนฤมล เอกเลิศวิทูร นิติกรชำนาญการพิเศษกรมศุลกากร ผู้ตรวจสอบนายกีรติ และนายรัฐกรณ์ ปันทนา นิติกรกรมศุลกากร ผู้ตรวจสอบนายกีรติ