2 พี่น้อง "บอสตาล-บอสต้น" ปธ.สโมสรฟุตบอลดัง ยอมรับ เล่นพนันออนไลน์จริง หลัง DSI พบเส้นทางการเงินเชื่อม "น.ส.ชบา" ครั้งละล้าน แต่ปฏิเสธปมเป็นเจ้าของเว็บพนัน ด้านพนักงานสอบสวนไม่ปักใจเชื่อ ลุยสางพยานหลักฐาน และ 29 พ.ค.นี้ 2 ตำรวจดัง จะเข้าให้การกับดีเอสไอในฐานะพยาน
กรณี สองพี่น้องประธานสโมสรฟุตบอล นายพงษ์ศิริ ฐาราชวงศ์ศึก หรือ บอสตาล ประธานสโมสรฟุตบอลลำพูนเวอริเออร์ และนายศิริพงษ์ ฐาราชวงศ์ศึก หรือ บอสต้น ประธานสโมสรพิษณุโลกเอฟซี เดินทางเข้าให้ปากคำในฐานะพยานกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอในคดีพิเศษที่ 8/2566 หลังเจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน พบว่าทั้งคู่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงทางเส้นทางการเงินกับ น.ส.ชบา ปะตะทะกัง บุคคลผู้เป็นบัญชีม้าหลักให้กับเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์และยาเสพติด ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 พ.ค.66 ที่กองคดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น ถนนแจ้งวัฒนะ
นายพงษธร อินอำนวย ผอ.กองคดียาเสพติด เปิดเผยว่า จากการเข้าให้ปากคำวานนี้ของทั้งบอสตาล ประธานสโมสรฟุตบอลลำพูนเวอริเออร์ และบอสต้น ประธานสโมสรพิษณุโลกเอฟซี ทั้งคู่ยังคงให้การยืนยันว่าไม่รู้จักกับ น.ส.ชบา (บัญชีม้าหลักของเครือข่ายเว็บพนัน) ส่วนสาเหตุที่มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงถึงเพราะว่าทั้งคู่เล่นการพนัน โดยเป็นการเล่นแทงบอล และได้โอนเงินไปยังเลขที่บัญชีดังกล่าว อีกทั้งยังคงยืนยันตามคำให้การเดิมที่เคยให้ไว้ในคดีพิเศษที่ 60/2563 จากนี้ส่วนที่เหลือจะเป็นการสอบสวนในส่วนของเจ้าหน้าที่ชุดใหม่ ในเลขคดีที่ 8/2566 เพื่อดูว่าเจอพยานหลักฐานอะไรอื่นบ้างที่จะยืนยันว่าเจ้าตัวเป็นเจ้าของเว็บพนัน หรือเป็นหุ้นส่วนของเว็บพนันด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม แม้ทั้งคู่จะมั่นใจว่าเส้นเงินที่เจ้าหน้าที่พบมาจากการเล่นพนันออนไลน์ แต่เจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบประกอบกับพยานหลักฐานอื่นๆ ประกอบ นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนได้สอบถามว่ามีความเกี่ยวข้องกับเว็บพนันด้วยหรือไม่ ทั้งคู่ปฏิเสธในประเด็นดังกล่าว แต่ไม่ได้สอบถามเรื่องยาเสพติดเพิ่มเติม เนื่องจากกรณีนี้เคยถูกใช้สอบถามในเลขคดีเดิม อีกทั้งพนักงานอัยการได้สั่งไม่ฟ้องไปแล้ว
...
นายพงษธร เผยอีกว่า สำหรับจำนวนเงินที่พบว่าสองพี่น้องประธานสโมสรฟุตบอลไปเชื่อมโยงกับ น.ส.ชบา มีจำนวนครั้งละหลักแสนถึงหลักล้านบาท โดยเป็นความเคลื่อนไหวทางการเงินระหว่างห้วงปี 2563 และมีการหยุดเคลื่อนไหวการรับ-โอนเงินในช่วงปี 2564 ส่วน น.ส.ชบา ได้เข้าให้การในฐานะพยานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยให้การยืนยันว่าไม่รู้จักทั้งบอสต้นและบอสตาล เเต่รู้จัก 1 ใน 7 คนที่เคยอยู่ในเลขคดีเดิม 60/2563 ซึ่งบุคคลดังกล่าวที่ น.ส.ชบา รู้จักเป็นผู้เชิญชวนให้มาเปิดบัญชีม้า แต่ชบาไม่ได้เป็นคนใช้บัญชีเอง เพียงทำหน้าที่เปิดบัญชีให้ ส่วนใครจะนำไปใช้อย่างไรเจ้าตัวก็ไม่ทราบ
นายพงษธร ระบุด้วยว่า พนักงานสอบสวนจะต้องตรวจสอบเรื่องการประกอบอาชีพ การเสียภาษีเงินได้ การครอบครองทรัพย์สินของทั้งสองพี่น้องกับหน่วยงานของรัฐอื่นๆ เพิ่มเติม และถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีความสอดคล้องเราจะแจ้งไปยังกรมสรรพากรเพื่อดำเนินการประเมินภาษี โดยที่เราจะไม่ใช้สอบถาม แต่เจ้าตัวจะต้องเข้าให้การชี้แจงภายหลังหากถูกพิจารณาดำเนินคดี และหลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะสอบสวนในเรื่องอื่นๆต่อไปคาดว่าทั้งคู่จะไม่ต้องเข้ามาชี้แจงแล้ว เนื่องจากไม่ได้มีการร้องขอให้สอบสวนในประเด็นใดเพิ่มเติม มีเพียงการสงวนสิทธิของเจ้าตัวที่จะขอยื่นเอกสารเกี่ยวกับรายการเดินบัญชีออมทรัพย์ในภายหลัง
เมื่อถามถึงกรณีของ ร.ต.อ.ณัฐศักดิธัช พงค์ภิภัทราภาคิน ว่าการจะเข้าให้ปากคำในฐานะพยานในวันจันทร์ที่ 29 พ.ค.นี้ หากเจ้าตัวยังคงยืนยันในคำให้การเดิมที่ระบุว่าเป็นเอเย่นต์เว็บพนัน พนักงานสอบสวนจะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาในวันนั้นเลยหรือไม่ นายพงษธร ระบุว่า พนักงานสอบสวนจะยังไม่แจ้งข้อหาทันที เพราะจะต้องสอบถามก่อนว่าเจ้าตัวมีความเกี่ยวข้องกับเว็บพนันอย่างไรบ้างหรือไม่ ใช้บัญชีธนาคารใด มีรูปแบบดำเนินการอย่างไร อีกทั้งการที่เจ้าหน้าที่จะแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับบุคคลใด จะต้องมีรายละเอียดชัดเจนครบถ้วน เราไม่พิจารณาเพียงถ้อยคำให้การลอยๆของเจ้าตัว โดยจะต้องไปพิสูจน์ว่ามีเว็บไซต์พนันดังกล่าวตามที่เจ้าตัวให้การจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตามในคำให้การเดิมของเจ้าตัว บอกเพียงว่าเป็นเอเย่นต์เว็บพนัน แต่ปฏิเสธในความเกี่ยวข้องของเรื่องยาเสพติด และในปัจจุบันตนยังไม่พบความเชื่อมโยงของนายตำรวจรายนี้กับสองพี่น้องประธานสโมสรฟุตบอล เพราะนายตำรวจมาเกี่ยวข้องในฐานะพยานกับคดีพิเศษที่ 60/2563 เนื่องจากเจ้าตัวไปมีความพัวพันในส่วนของเส้นทางการเงินกับ น.ส.ชบา เนื่องด้วยนายตำรวจรายนี้เป็นเอเย่นต์เว็บพนัน
ส่วนกรณีของ ว่าที่ พ.ต.ต.ปภิณวิช รอดบางยาง นั้น นายพงษธร ระบุว่า มีความเกี่ยวข้องกับ ร.ต.อ.ณัฐศักดิธัช แต่ไม่ได้เชื่อมโยงกับ น.ส.ชบา อย่างไรก็ตาม ในกรณีของว่าที่ พ.ต.ต.ปภิณวิช ค่อนข้างแตกต่างตรงที่ในเลขคดีเดิม หรือในสำนวนเก่า (60/2563) เราไม่พบคำให้การของตำรวจรายนี้ จึงไม่ทราบแน่ชัดว่าคำให้การเป็นอย่างไร แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ปัญหาในการรับช่วงของตน โดยตนจะรื้อใหม่ทั้งหมด และที่สำคัญ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เน้นย้ำให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดในทุกฐานความผิดที่พบ เนื่องจากในสำนวนคดีเก่าได้ปรากฏข้อครหาว่าคณะทำงานมีการเรียกรับผลประโยชน์ ครั้งนี้เราจึงต้องพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีการเรียกรับเงิน พร้อมยืนยันว่าไม่สามารถเคลียร์ได้ และถ้าพบการกระทำที่ผิดในกฎหมายใดเพิ่มเติม เช่น การส่งเรื่องให้กรมสรรพากรดำเนินการประเมินภาษีเงินได้ส่วนบุคคล หากบุคคลใดมีเงินหมุนเวียนผิดปกติจะถือว่ามีเงินได้พึงประเมิน ประมวลรัษฎากรมาตรา 40 / ประเมินภาษีย้อนหลัง เบี่ยงเบี้ยปรับ เป็นต้น โดยจะเป็นกรมสรรพากรที่จะต้องเป็นเจ้าทุกข์ดำเนินคดีทางอาญาต่อไป
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันจันทร์ที่ 29 พ.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ที่ ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 7 กองคดียาเสพติด ว่าที่ พ.ต.ต.ปภิณวิช รอดบางยาง และ ร.ต.อ.ณัฐศักดิธัช พงค์ภิภัทราภาคิณ จะเข้าให้การกับดีเอสไอในฐานะพยาน หลังจากทั้งคู่แจ้งเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากติดโควิด-19