นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาการจัดเก็บขยะ ว่า ก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด พบว่า ในเขตกรุงเทพฯ มีปริมาณขยะประมาณ 10,000 ตันต่อปี แต่ช่วงโควิด-19 ปริมาณขยะน้อยลงเหลือประมาณ 9,000 ตันต่อปี ซึ่งในปัจจุบันนี้ปริมาณขยะเริ่มเพิ่มขึ้น ประกอบกับเมืองมีการขยายตัวออกสู่ชานเมือง ทำให้ปริมาณขยะเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับเขตชั้นในปริมาณขยะอาจจะลดลง จึงต้องมีการทบทวนแนวทางระบบจัดการขยะทั้งหมด โดยสำนักสิ่งแวดล้อม กทม.รายงานว่า มีรถขยะจำนวน 147 คัน ที่ไม่มีพนักงานประจำรถ เข้าใจว่าเป็นช่วงที่มีปริมาณขยะจำนวนมากจึงเช่ารถมาก่อน แต่ไม่มีอัตราพนักงานประจำรถ ทำให้รถเก็บขยะจำนวนหนึ่งประมาณ 300-400 คัน วิ่งเพียงวันละ 1 เที่ยว จากที่ควรวิ่งวันละ 2 เที่ยว
นายชัชชาติกล่าวว่า ขณะนี้ กทม.ต้องปรับรูปแบบในการบริหารจัดการขยะใหม่ เพื่อใช้รถขยะอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ปรับเส้นทางใหม่ ใช้วิธีการใหม่ นำเทคโนโลยี GPS มาใช้บริหารจัดการ รวมถึงต้องเพิ่มจำนวนพนักงานเก็บให้เหมาะสมกับจำนวนรถ เพื่อบริการประชาชนที่กระจายอยู่เขตชั้นนอกได้ครอบคลุมมากขึ้น ส่วนเขตชั้นในเช่นสีลม เยาวราช ก็ต้องบริหารจัดการด้วยรูปแบบที่แตกต่างออกไป เช่น เพิ่มรอบการเก็บเพราะจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นส่งผลให้ปริมาณขยะมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องมีการทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการในเรื่องเวลาการทิ้งขยะตามรอบเก็บของรถขยะด้วย ไม่ใช่มาวางล่วงหน้านอกเวลาจัดเก็บ เพราะอาจจะมีสุนัขมากัด คนมาคุ้ย และเกิดความสกปรกได้ กรณีนี้อาจจะต้องมีการใช้วิธีการตักเตือน หรือใช้ไม้แข็งควบคู่ เช่น พิจารณาใบอนุญาต.