นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะผู้บริหารได้มีการพิจารณาการหาแนวทางการเพิ่มรายได้ของ กทม. เบื้องต้นได้หารือการเพิ่มรายได้ในเรื่องภาษียาสูบและภาษีโรงแรม ซึ่งขณะนี้ กทม.ไม่มีอำนาจในการจัดเก็บ เพราะจะต้องไปแก้ไข พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 ก่อน จากนั้นต้องเสนอไปยังกระทรวงมหาดไทย นำเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณา ขอความเห็นชอบ โดยการแก้ พ.ร.บ.ดังกล่าว จะมีการพ่วงไปหลายๆเรื่อง นอกเหนือจากภาษียาสูบและภาษีโรงแรม

ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า สำหรับภาษียาสูบกับภาษีโรงแรม ตอนแรกคิดว่ากทม. สามารถจัดเก็บเองได้ แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องอยู่ 2 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542 กับ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 โดยกฎหมายการกระจายอำนาจให้ กทม. มีสิทธิจัดเก็บภาษียาสูบกับภาษีโรงแรม แต่จากการตีความของกฤษฎีการะบุว่า กทม.มีสิทธิจัดเก็บภาษีดังกล่าว แต่ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 จะต้องให้อำนาจ กทม.ด้วย ขณะที่กฎหมายแม่ของท้องถิ่นอื่น สามารถจัดเก็บได้หมด แต่กฎหมายแม่ของ กทม.ยังไม่ได้แก้และไม่ได้ให้อำนาจ จึงทำให้ กทม.จัดเก็บภาษีดังกล่าวไม่ได้ ดังนั้น จึงต้องมีการปรับแก้ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 ก่อน นอกจากนี้ กทม.อาจจะพิจารณาจัดเก็บภาษีอื่น โดยใช้หลักการ PPP คือ Polluter Pay Principle คือ ใครที่ทำความเสียหายให้กับสิ่งแวดล้อม อาจจะต้องมีการจัดเก็บภาษี ขณะเดียวกันจะพิจารณาเรื่องการจัดเก็บค่าที่จอดรถด้วย จึงมอบให้สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) ไปศึกษาเพิ่มเติม.