เมื่อวันที่ 25 ต.ค.65 ที่อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการ กทม. 2 ดินแดง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวภายหลังการประชุมคณะผู้บริหาร กทม. ว่า วันที่ 26 ต.ค.จะนำโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายเข้าสู่วาระการประชุมสภากรุงเทพมหานครมี 2 เรื่อง เรื่องแรก การจัดเก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ โดย กทม.เสนอให้จัดเก็บค่าโดยสาร 15 บาท ซึ่งหากสภา กทม.เห็นชอบ จะออกประกาศจัดเก็บค่าโดยสารแจ้งให้ประชาชนทราบล่วงหน้า 30 วัน

เรื่องที่ 2 การขอความเห็นสภา กทม.ชุดใหม่เกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ที่ 3/2562 มาตรา 44 เรื่องเร่งรัดโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนเดิมและส่วนต่อขยายให้ต่อเนื่องเป็นโครงข่ายเดียวกัน ซึ่งสภา กทม.ชุดก่อนเห็นด้วยตามมาตรา 44 อย่างไรก็ตาม ฝ่ายบริหาร กทม.ชุดปัจจุบันมีความเห็นว่า ไม่ควรขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตามคำสั่ง คสช. มาตรา 44 แต่ควรใช้วิธีการตาม พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 ซึ่งจะมีการวิเคราะห์เพื่อให้เกิดความรอบคอบ ขณะเดียวกัน กทม.ขอให้รัฐสนับสนุนค่าโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนต่อขยาย 2 เพราะ คำนวณแล้วถ้า กทม.รับผิดชอบเองทั้งหมดจะส่งผลให้ค่าโดยสารสูงมาก

ด้านนายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า การขออุดหนุนค่าโครงสร้างงานโยธานั้นเป็นปกติของการก่อสร้างรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ซึ่งปัจจุบันค่าโครงสร้างงานโยธา รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายส่วนที่ 2 กทม.รับโอนหนี้จากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยประมาณ 5.8-5.9 หมื่นล้านบาทรวมดอกเบี้ย ซึ่งหากรัฐบาลไม่เห็นด้วยในการขออุดหนุน กทม.จะเจรจาเพื่อโอนรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งสาย คือ 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนสัมปทานช่วงหมอชิต-อ่อนนุช และช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน ส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และช่วงสะพานตากสินบางหว้า และส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ให้กับรัฐบาล โดยมีเงื่อนไข อาทิ ของบประมาณชดเชย กำหนดเพดานค่าโดยสาร เป็นต้น.

...