"วิษณุ" ควง "สมศักดิ์" เปิดงานไกล่เกลี่ยหนี้รอบเก็บตก 8-11 ก.ย. ที่เมืองทองธานี สถาบันการเงินร่วมงานคับคั่ง 22 แห่ง เผยรัฐบาลภูมิใจโครงการช่วยปลดภาระประชาชน พร้อมเชิญชวนคนเป็นหนี้ร่วมงาน สาวถูกฟ้อง โตโยต้าให้ส่วนลดเป็นแสนแถมได้ที่ดินคืน ลูกหนี้ กยศ.ยิ้มได้ผ่อนยาว 20 ปีงวดละแค่ 720 บาท
เมื่อวันที่ 8 ก.ย.65 ที่อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 เมืองทองธานี มีการจัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือนและหนี้ SMEs โดยมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม นายชื่นชอบ คงอุดม ผู้ช่วย รมว.คลัง นางทัศนีย์ เปาอินทร์ อธิบดีกรมบังคับคดี นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่เข้าร่วมงาน โดยมีการตรวจคัดกรองโควิด-19 ก่อนเข้างานอย่างเข้มงวด
โดย นายสมศักดิ์ กล่าวรายงานว่า ช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจเกิดความเสียหาย ขาดทุน ซ้ำร้ายประชาชนจำนวนมากยังต้องตกงานและถูกลดค่าแรง จนทำให้เกิดปัญหาหนี้สินครัวเรือน รัฐบาลเล็งเห็นความเดือดร้อนนี้ จึงได้ประกาศให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน โดยกำหนดไว้ 8 ประเด็น ซึ่งกระทรวงยุติธรรม มี 2 หน่วยงานที่ดำเนินการได้ คือ กรมบังคับคดี และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ที่เกี่ยวข้อง 4 ประเด็น คือ 1.การแก้ไขปัญหาหนี้ กยศ. 2.การแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล 3.การแก้ปัญหาหนี้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ และ 4.การปรับปรุงขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม โดยนับตั้งแต่เดือน ก.พ.2565 กระทรวงยุติธรรมได้จัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ย หนี้สินครัวเรือนขึ้น 77 ครั้ง ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ ช่วยเหลือประชาชนทั้งสิ้น 78,520 ราย ทุนทรัพย์ 19,487 ล้านบาท ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี ค่าธรรมเนียมศาล ค่าทนายความ 5,905 ล้านบาท
...
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดงานในครั้งนี้เป็นรอบเก็บตก เพราะมีประชาชนบางส่วนไม่ได้อยู่ในภูมิลำเนา จึงไม่ได้เข้าร่วมงาน และได้เรียกร้องขอให้จัดงานขึ้นอีกครั้ง นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานด้วย เพราะที่ผ่านมามีผู้ประกอบการประสบปัญหาหนี้สินจำนวนมาก โดยได้กำหนดจัดงานเป็นเวลา 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 8-11 ก.ย.65 เชิญลูกหนี้เข้าร่วมงาน 172,855 ราย ทุนทรัพย์ 30,651 ล้านบาท สำหรับงานนี้ได้รับความร่วมมือจาก กยศ. ธนาคาร และสถาบันการเงินต่างๆ รวม 22 แห่ง และหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ 2 แห่ง เข้าร่วมการไกล่เกลี่ย โดยมีข้อเสนอที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน เช่น การขยายระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ งดการยึดทรัพย์ งดการขายทอดตลาด การให้ส่วนลดเงินต้นและดอกเบี้ย และการให้เงื่อนไขพิเศษกรณีปิดบัญชีหนี้ นอกจากนี้ภายในงานยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ มาให้ความรู้ทางการเงิน แก่ผู้ประกอบการและประชาชนที่มาร่วมงาน เกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการ การวางแผนทางการเงิน และการทำธุรกิจแบบยั่งยืน
ด้าน นายวิษณุ กล่าวเปิดงานว่า การให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนนั้นรัฐบาลต้องทำ 3 เรื่องควบคู่กัน คือ การให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชน การกำกับดูแลเจ้าหนี้ ให้สินเชื่ออย่างเป็นธรรม การปรับโครงสร้างหนี้ และการไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สิน ทำให้พี่น้องประชาชนมีเงินสำหรับใช้จ่ายมากขึ้น จากภาระหนี้ที่ดอกเบี้ยลดลง ลดปัญหาการสร้างหนี้เกินตัว เพิ่มโอกาสทางสังคมและลดความเหลื่อมล้ำอย่างเป็นรูปธรรม โดยใช้การเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐมาแก้ไขปัญหา โดยใช้งบประมาณรัฐน้อยที่สุด ขอขอบคุณกระทรวงยุติธรรม กระทรวงการคลัง กยศ.และเครือข่ายสถาบันการเงินต่างๆ ที่ให้ความร่วมมือจัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือนขึ้น รวมครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 78 แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจในการแก้ไขปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทนี้ มีประโยชน์ต่อภาครัฐและเศรษฐกิจของประเทศ โดยสามารถยุติหรือระงับข้อพิพาท ลดปัญหาความขัดแย้ง และเกิดความสมานฉันท์ในสังคม เป็นการเยียวยาและฟื้นฟูรายได้ภาคครัวเรือน แก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน ทำให้เศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างมั่นคง และลดปริมาณคดีขึ้นสู่ศาล
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า นอกจากหนี้สินภาคครัวเรือนแล้ว รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับหนี้ของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือที่เรียกว่า SMEs ด้วย เนื่องจาก SMEs เข้าไปอยู่ในทั้งกระบวนการธุรกิจ ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ คือวัตถุดิบและการผลิต กลางน้ำคือการผลิตและกระจายสินค้า และปลายน้ำคือหน้าร้านไม่ว่าจะรูปแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ รวมถึงส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งผลการดำเนินงานที่ผ่านมาโดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพและกรมบังคับคดี ช่วยสร้างสภาพคล่องทางเศรษฐกิจของประเทศ ถือเป็นกลไกหนึ่งในการขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขหนี้ครัวเรือนได้เป็นอย่างดี และเป็นที่เชื่อมั่นได้ว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับประชาชนในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่าย สะดวก รวดเร็ว สามารถช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ตนขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนที่มีปัญหาด้านหนี้สินเข้าร่วมงาน เพื่อปลดภาระของทุกท่าน รัฐบาลภาคภูมิใจในโครงการนี้อย่างยิ่ง
...
จากนั้นเป็นการมอบเงินเยียวยาให้แก่ผู้เสียหาย และจำเลยในคดีอาญา 6 ราย เป็นเงิน 1,323,958 บาท และกระทรวงยุติธรรมได้มอบประกาศเกียรติคุณให้แก่หน่วยงานที่เข้าร่วมงานมหกรรมไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ทั้งหมด 29 หน่วยงานด้วย
จากนั้น นายสมศักดิ์ ได้ลงมือไกล่เกลี่ยด้วยตัวเอง โดยรายแรก เป็นหนี้หลังฟ้อง โตโยต้า ลิสซิ่ง กู้ซื้อรถยนต์ 706,032 บาท ชำระไปแล้ว 391,582 บาท แต่ผิดการชำระจนถูกฟ้อง 341,450 บาท และยึดที่ดิน หลังจากนั้นได้ชำระไป 148,938 บาท เหลือ 193,052 บาท โดยผลการไกล่เกลี่ย ได้ส่วนลด 103,052 บาท เหลือ 90,000 บาท ลูกหนี้ตกลงปิดยอดทั้งหมดและยกเลิกการยึดที่ดิน รายต่อมาเป็นหนี้ก่อนฟ้อง กยศ. กู้เงินมา 263,900 บาท แต่ไม่จ่ายชำระตั้งแต่ปี 2556 ทำให้มีดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ รวมกับเงินต้นเป็นเงิน 494,863 บาท ผลเจรจาได้ส่วนลด 161,948 บาท เหลือ 332,914 บาท ให้ผ่อนเดือนละ 1,260 บาท 25 ปี อีกรายเป็นหนี้ก่อนฟ้อง กยศ. กู้มา 341,910 บาท ชำระมาแล้ว 204,468 บาท ขาดส่งจนมีดอกเบี้ยและเบี้ยปรับรวมเงินต้นเป็นเงิน 233,179 บาท ผลเจรจาได้ส่วนลด 76,891 บาท เหลือ 156,287 บาท ผ่อนเดือนละ 720 บาท 20 ปี
...
โดยทางลูกหนี้ กล่าวว่า ขอบคุณรัฐบาล กระทรวงยุติธรรม และสถาบันการเงินที่จัดงานนี้ขึ้นมา เพราะได้รับส่วนลดเยอะมาก อยากชวนทุกคนมางาน เรายังมีหนทางและเจ้าหน้าที่ทุกคนพร้อมช่วยเหลือ ขอแค่เรามายังจุดนี้ให้ได้ อยากให้ทุกคนเปิดโอกาสให้ตัวเอง นอกจากนี้ยังมีกลุ่มตัวแทนสหกรณ์แท็กซี่ เข้าขอบคุณรัฐบาลและกระทรวงยุติธรรมที่ช่วยไกล่เกลี่ยหนี้สินด้วย