ตำรวจลากคอ 3 โจ๋ทันควัน หลังร่วมกันใช้มีดขู่ชิงเข็มพระเกี้ยว เด็ก นักเรียนชาย ม.5 โรงเรียนบดินทรเดชา หลังเลิกเรียนเดินกลับบ้านพ้นรั้วประตูโรงเรียนไปได้แค่ 500 เมตร แต่เหยื่อขัดขืนเลยโดนชกตาปูดบวม เหตุเกิดต่อหน้าต่อตาผู้ปกครองที่จอดรถรอลูกหลาน ผู้การแพะรุดสอบปากคำ ทั้งหมดเป็นเยาวชนอายุไม่เกิน 15 ปี เรียนแค่ชั้น ม.2 มี 1 คน ไม่ได้เรียนหนังสือ รับอยากเอาไปโชว์เพื่อน ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันปล้น

กรณีโลกโซเชียลโพสต์คลิปข้อความเด็กนักเรียนโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ถูกคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 3 ราย แต่งกายสวมเสื้อยืดสีดำ ใส่หมวก สวมหน้ากากอนามัย หนึ่งในนั้นสวมหมวก กันน็อก ขี่รถ จยย.ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาจอด ก่อนลงมือทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนชายชั้น ม.5 คนหนึ่งที่กำลังเดินกลับบ้านพร้อมเพื่อน ผู้โพสต์ระบุว่าเป็นการชิงเข็มพระเกี้ยวของโรงเรียนดังกล่าว ก่อนที่คนร้ายหลบหนีมุ่งหน้าปากซอยรามคำแหง 43/1 เหตุเกิดช่วงเวลา 16.00 น. วันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ ข้างโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เขตวังทองหลาง กทม. พบว่าอยู่ห่างประตู 2 ทางเข้า-ออกโรงเรียนประมาณ 500 เมตร เป็นถนนสองเลนและทางบังคับเลี้ยวซ้าย อยู่หน้าทางเข้าหมู่บ้านธารารมณ์

ทั้งนี้ นายสุพัฒน์ อัตจริต รองผู้อำนวยการโรงเรียน กลุ่มบริหารงานบุคคล เปิดเผยว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 29 มิ.ย. หลังนักเรียนชายชั้น ม.5 เลิกเรียนแล้วเดินเท้ากลับบ้านพร้อมเพื่อน ถูกกลุ่มวัยรุ่นเข้ามาใช้มีดข่มขู่เพื่อจะชิงเอาเข็มพระเกี้ยวที่หน้าอกไป แต่นักเรียนผู้เสียหายขัดขืนจนถูกชกที่ใบหน้า ก่อนที่คนร้ายจะขี่รถ จยย.หลบหนีไปโดยไม่ได้เข็มพระเกี้ยวไปด้วย สอบถามเด็กนักเรียนชั้น ม. 5 ทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นเด็ก กรณีดังกล่าวเชื่อว่าเกิดขึ้นเพราะความคึกคะนองของฝ่ายผู้ต้องหา ทั้งนี้ โรงเรียนได้ประชาสัมพันธ์ไปยังนักเรียนชั้นมัธยมปลายที่ต้องติดเข็มพระเกี้ยวทั้งชายและหญิงว่า ระยะนี้หลังเลิกเรียนขอให้ถอดเข็มออกก่อนกลับบ้าน ไม่ให้เถลไถลไปไหน ป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ และประสานกับตำรวจ สน.วังทองหลาง เพิ่มความถี่ตรวจตราบริเวณโดยรอบโรงเรียนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุลักษณะเช่นนี้ขึ้นอีก

...

ส่วนการติดตามตัวคนร้าย มีรายงานว่าช่วงเที่ยงวันเดียวกัน พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผกก. สส.บก.น.4 นำกำลังประสานกับ ร.ต.อ.ไฉน เจนสัญญายุทธ รองสว.สส.สน.วังทองหลาง บุกจับกุม 3 เยาวชนที่ก่อเหตุได้ทั้ง 3 คน ก่อนคุมตัวมาที่ สน.วังทองหลาง มี พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.น.4 มาร่วมสอบปากคำด้วย

พล.ต.ต.พรชัยเปิดเผยว่า จากการสอบสวนพร้อมเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ ทั้ง 3 เป็นเยาวชนอายุไม่เกิน 15 ปี ยังเรียนอยู่ 2 คน ชั้น ม.2 อีกคนไม่ได้เรียน จับกุมทั้งหมดได้ที่บ้านในซอยรามคำแหง 39 พร้อมอาวุธมีด รถ จยย.ที่ก่อเหตุ เสื้อผ้าที่ใส่ ทั้งหมดรับ สารภาพ สาเหตุเพราะความคึกคะนองไม่ใช่เกิดจากยาเสพติด อยากได้พระเกี้ยวไปห้อยโซ่ติดเสื้อและโชว์เพื่อน แต่ไม่เคยก่อเหตุแบบนี้มาก่อน และไม่เคยรู้จักกับผู้เสียหายมาก่อนเช่นกัน ก่อนเกิดเหตุอ้างว่ากำลังจะไปซื้อของ แต่เมื่อขี่ จยย.มาใกล้จุดเกิดเหตุเห็นกลุ่มผู้เสียหายเดินอยู่ เกิดคึกคะนอง ลงไปทำร้ายร่างกาย ข่มขู่จะเอาตราพระเกี้ยว แต่ผู้เสียหายฮึดสู้ไม่ยอมเพราะเห็นตัวเล็กกว่า ทำให้หนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุชกเข้าที่ใบหน้าผู้เสียหายแล้วหลบหนี โดยที่ไม่ได้พระเกี้ยวไป หลังเกิดเหตุและเป็นข่าวทาง 3 เยาวชนได้ชำแหละซาก จยย. เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ติดตามตัวได้ อย่างไรก็ตาม ขณะสอบปากคำทั้ง 3 คน อยากขอโทษผู้เสียหายกับสิ่งที่กระทำไป เบื้องต้น แจ้งข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมียานพาหนะ ร่วมกันพกพาอาวุธมีด และพยายามทำร้ายร่างกาย คุมตัวส่งศาลเยาวชนและครอบครัวกลางต่อไป

ต่อมาเวลา 13.00 น. พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครด้าน ความปลอดภัย น.ส.อัญชนา บุญสุยา ผอ.เขตวังทองหลาง พ.ต.อ.กันตภณ โพธิ์อ๊ะ ผกก.สน.วังทองหลาง และนายสมพร สังวาระ ผอ.โรงเรียนบดินทรเดชา ร่วมกันตรวจสอบจุดเกิดเหตุ โดย พล.ต.อ.อดิศร์ได้ประสานทั้งทางโรงเรียน เขตวังทองหลาง และ สน.วังทองหลาง วางมาตรการตรวจสอบความเรียบร้อยบริเวณโดยรอบโรงเรียน เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนขณะเดินทางมาโรงเรียนและกลับบ้าน กทม. จะมีเจ้าหน้าที่เทศกิจและพนักงานทำความสะอาดของสำนักงานเขตวังทองหลางช่วยสอดส่องในช่วงรอยต่อของเวลาอีกทางหนึ่ง

ต่อมาเวลา 16.15 น. พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. ดูแลงานกฎหมายและคดี มาติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีก่อน กล่าวว่า คดีนี้ทั้งผู้เสียหายและผู้ต้องหาเป็นเยาวชน ต้องมีเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพเข้าร่วมสอบปากคำ ในส่วนผู้ก่อเหตุให้การ รับสารภาพและเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายเยาวชนฯ เบื้องต้น ยอมรับว่า เป็นค่านิยมในการสะสมเครื่องแบบสัญลักษณ์สถาบันต่างๆ อ้างว่าไม่ได้มีการวางแผน แต่เป็นเพราะอารมณ์คึกคะนองชั่ววูบ การก่อเหตุดังกล่าวมีผู้ก่อเหตุ 3 คน เข้าองค์ประกอบความผิดฐาน ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธ และร่วมกันทำร้ายร่างกาย อัตราโทษตามกฎหมาย ข้อหาปล้นทรัพย์มีโทษจำคุกตั้งแต่ 10-15 ปี หากพยายามปล้นทรัพย์รับโทษ 2 ใน 3 หากใช้ยานพาหนะร่วมด้วยต้องรับโทษเพิ่มอีกกึ่งหนึ่ง ถือเป็นข้อกล่าวหาที่มีอัตราโทษสูง ขอให้คดีนี้เป็นอุทาหรณ์กลุ่มวัยรุ่นและเยาวชน ที่มีค่านิยมลักษณะนี้ ตระหนักถึงโทษที่จะตามมาหลังจากก่อเหตุ ส่วนผู้ปกครองนั้นต้องพิจารณาว่ามีส่วนสนับสนุนส่งเสริมหรือไม่