"พนิต" เตือน "อย่าให้พังแล้วถึงตื่น" จี้ ปชป.ถอดบทเรียน-รื้อทุกแผน หลังล้มเหลวเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. คะแนนหล่นวูบเหลือแค่ 2.5 แสน ขณะที่ ส.ก.เหลือเพียง 9 จาก 45 เก้าอี้ พร้อมฝากชวนคิดร่วมรัฐบาล 3 ปี เป็นคุณหรือโทษ
เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 65 นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์ข้อความผ่านเพจส่วนตัว "Panich Vikitsreth-พนิต วิกิตเศรษฐ์" เรื่อง "การเลือกตั้งครั้งนี้ คือ Wake up call ยอมรับความจริง อย่าให้พังแล้วถึงตื่น" โดยระบุว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ถือว่าประชาชนตื่นตัวกันออกมาใช้สิทธิ์ค่อนข้างมาก ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการที่เราว่างเว้นจากการเลือกตั้งมานานถึง 9 ปี ซึ่งต้องขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่ออกมาใช้สิทธิ์ และมาร่วมกันกำหนดอนาคตของกรุงเทพฯ รวมถึงขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่มอบให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. และผู้สมัคร ส.ก.ของ ปชป. รวมทั้งต้องขอบคุณ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. และผู้สมัคร ส.ก.ของปชป.ที่ทำงานอย่างหนัก ภายใต้สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยเท่าใดหนัก
นายพนิต ระบุต่อว่า สำหรับผลการเลือกตั้งที่ออกมาในส่วนของ #พรรคประชาธิปัตย์ แม้เราจะได้ ส.ก.เข้ามาจำนวน 9 คน และต่างจากการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อปี 62 ที่ไม่ได้ ส.ส.แบบแบ่งเขตแม้แต่คนเดียว แต่ผมไม่คิดว่าเราประสบความสำเร็จแต่อย่างใด ตรงกันข้ามมันเป็นสัญญาณเตือนให้เราต้องรีบกลับมาทบทวนอะไรบางอย่าง
"ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของ ปชป. แม้จะได้อันดับ 2 และต่างจากอันดับ 3 4 และ 5 ไม่มากนัก แต่อย่าลืมว่าเราเป็นแชมป์เก่าที่การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ใน 3 ครั้งหลังสุดก่อนหน้านี้ชนะมาโดยตลอด และไม่เคยได้คะแนนต่ำกว่า 5 แสน แต่ครั้งนี้ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของเรากลับได้อยู่ที่ราวๆ 2.5 แสนเท่านั้น เช่นเดียวกับ ส.ก.ที่ครั้งนี้เราเหลือเพียง 9 คน จากที่เคยได้มากถึง 45 คน หรือหากเอาไปเทียบกับผลการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อปี 62 ที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้พรรคจะไม่ได้ ส.ส.ใน กทม.เลย แต่ยังได้คะแนนรวมทั้งหมด 4.7 แสน มากกว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคได้รับในครั้งนี้"
...
นายพนิต ระบุต่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ตนคิดว่าเรามีเวลาเตรียมตัวพอสมควร และพูดได้ว่านานกว่าผู้สมัครทุกคนและทุกพรรคการเมืองก็ว่าได้ ตั้งแต่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ตั้งแต่ 18 ต.ค. 59 แต่เราเหมือนเพิ่งเริ่มเตรียมตัวไม่นาน ประกอบกับอีกหลายปัจจัยที่ทำให้ผลการเลือกตั้งออกมาแบบนี้ ซึ่งตนคิดว่าพรรคไม่ควรปล่อยผ่านมา โดยเฉพาะบทเรียนการนำ "คนนอก" และ "คนใหม่" มาเป็นตัวแทนของพรรค ที่เห็นแล้วว่าไม่สามารถหลอมรวมคนในพรรคได้ ทำให้การประสานงานและความร่วมมือกันในแต่ละเขตไม่ดีเท่ากับ "คนใน" ด้วยกันเองที่มีประสบการณ์และความสามารถจำนวนมาก
"ยังมีส่วนหนึ่งที่เราโชคไม่ดี ที่ระหว่างเลือกตั้งเจอข่าวด้านลบ จนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรค แต่อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ผู้บริหารของพรรคแสดงความมั่นใจมาตลอดว่ามีผลงานมากมายจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และยังมั่นใจในแฟนคลับพันธุ์แท้ของพรรค แต่เหตุใดภาพรวมการเลือกตั้งครั้งนี้คะแนนที่ได้รับกลับหายไปมาก" นายพนิต ระบุ
นายพนิต ระบุต่อว่า นอกจากนี้ยังพบว่า ชาวกรุงเทพฯ ไม่เอาฝ่ายรัฐบาล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าที่จะเอาทักษิณ เพราะพวกเขาเชื่อมั่นในตัวว่าที่ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ ที่อยากเห็นการเมืองแบบใหม่ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขณะเดียวกันยังพบว่ากระแสพรรคพลังประชารัฐในกรุงเทพฯ ทั้งที่มี ส.ส.กทม.มากที่สุด จำนวน ส.ก.ยังหายไปอย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย
"ผมคิดว่าพรรคควรนำผลการเลือกตั้งครั้งนี้มาทบทวนอย่างจริงจังว่าแนวทางที่เดินอยู่ทุกวันนี้มันช่วยกอบกู้พรรค หรือกำลังทำให้พรรคถอยหลังลงเรื่อยๆ แม้แต่การเป็นพรรคร่วมรัฐบาลมา 3 ปีกว่า ฝากชวนคิดและประเมินว่าเป็นคุณหรือเป็นโทษหรือไม่" นายพนิต ระบุ
นายพนิต ระบุอีกว่า ก่อนการเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะเกิดขึ้นอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หากเรายังยึดแนวทางเดิม โอกาสที่เราจะสูญพันธุ์ใน กทม.ซ้ำสอง ย่อมเกิดขึ้นได้อีกหรือไม่ ดังนั้นเราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ด้วยการรื้อทุกแผนปรับปรุงทุกอย่าง เพราะการเลือกตั้งในสนาม กทม. ถือว่า wake-up call" หรือ "อย่ารอให้พังก่อนตื่น"
"ยืนยันว่าผมหวังดีและรักพรรคประชาธิปัตย์ อยากให้พรรคเป็นที่พึ่งพิงให้กับชาว กทม.และคนทั้งประเทศได้ จึงจำเป็นต้องพูดเรื่องนี้ เพราะไม่อยากรอให้พรรคเสียหายไปกว่านี้ แล้วค่อยจึงลุกขึ้นมาทำอะไรกัน ในวันที่ยังมีเวลาจึงต้องเร่งทำอะไรบางอย่าง ก่อนที่มันจะสายเกินไป" นายพนิต ระบุทิ้งท้าย.