ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ตามจับหนุ่มเจ้าของเต็นท์รถย่านบางเขนสุดแสบ สร้างเครดิตเปิดเว็บไซต์และเฟซบุ๊ก ออกอุบายให้ผู้เสียหายหลงเชื่อนำรถยนต์มาจอดฝากขายก่อนนำรถของเหยื่อไปเข้าไฟแนนซ์ขอสินเชื่อ รวมทั้งนำรถไปวนขายให้นักลงทุนที่นำเงินมาร่วมทุน คดีนี้มีรถยนต์เข้าไปเกี่ยวข้อง 117 คัน ความเสียหายกว่า 64 ล้านบาท สอบสวนเจ้าตัวยังให้การปฏิเสธ หลังจนมุมที่โคราชรวบเจ้าของเต็นท์รถสุดแสบตุ๋นเหยื่อจนเปื่อย

เปิดเผยเมื่อวันที่ 31 มี.ค. พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ. พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม รอง ผกก.4 บก. ปคบ. นำกำลังจับกุมนายสหพร ยศฐวัช อายุ 36 ปี ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง 5 หมายจับ ของกลางรถยนต์ 2 คัน โทรศัพท์มือถือ 15 เครื่อง และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 2 เครื่อง จับได้ในพื้นที่ ต.โพธิ์กลาง อ.เมืองนครราชสีมา

สืบเนื่องจากเมื่อปี 63-64 ขณะที่ผู้ต้องหารายนี้ และ น.ส.รัตศุภา จิณะแสน อายุ 33 ปี แฟนสาวประกอบกิจการเต็นท์ซื้อขายแลกเปลี่ยนรถยนต์มือสองย่านบางเขน รวมทั้งเปิดเว็บไซต์ http://www.doorodd.com  และเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/DoorodTH/  เพื่อโฆษณาสร้างความน่าเชื่อถือในวงการซื้อขายรถยนต์มือสอง ทำให้มีกลุ่มพ่อค้านักธุรกิจค้าขายรถยนต์มือสองนำรถมาจอดฝากขาย ผู้ต้องหาได้ออกอุบายหลอกลวงเหยื่อโดยแบ่งผู้เสียหายเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นเจ้าของเต็นท์รถมือสองที่นำรถยนต์ 117 คันมาจอดฝากขายที่เต็นท์รถของผู้ต้องหา จากนั้นผู้ต้องหาจะกุเรื่องขายรถได้แล้วเพื่อให้เหยื่อส่งเล่มทะเบียนรถมาให้ เมื่อได้เล่มมาแล้วจะนำรถยนต์พร้อมเล่มไปขอสินเชื่อกับบริษัทสินเชื่อจนได้รับอนุมัติ แต่กลับไปบอกผู้เสียหายว่ายังขายไม่ได้เพราะติดปัญหาต่างๆ

...

ส่วนผู้เสียหายกลุ่มที่ 2 จะเป็นนักลงทุน นาย สหพรจะอาศัยโปรไฟล์ที่เป็นเจ้าของเต็นท์รถออกอุบายสร้างความคุ้นเคยให้เหยื่อโอนเงินมาร่วมลงทุนซื้อรถมือสองมาวางขายที่เต็นท์ ผู้ต้องหาจะเป็นผู้ดำเนินการขายพร้อมจ่ายค่าตอบแทนในอัตราที่สูง ส่วนรถยนต์ที่ให้ผู้เสียหายกลุ่มที่ 2 ซื้อมาลงทุนนั้นจะเป็นรถของผู้เสียหายกลุ่มที่ 1 นำมาฝากขาย คดีนี้ มีความเสียหายเกี่ยวข้องกับรถยนต์ 117 คัน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายสูงถึง 64,446,900 บาท ทั้งนี้ช่วงแรกผู้ต้องหาและแฟนสาวจ่ายค่าตอบแทนให้กับเหยื่อตามที่ตกลงไว้ แต่ต่อมาทั้งหมดไม่ได้รับค่าตอบแทนตามที่กล่าวอ้างและทั้งคู่ยังหายตัวไม่สามารถติดต่อได้ ติดตามไปที่เต็นท์รถพบทั้งคู่หนีหายไปตั้งแต่ปลายปี 64

เมื่อทราบความจริงผู้เสียหายทั้งหมดรวมตัวไปแจ้งความที่ สน.บางเขน กระทั่งพนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานขอศาลอาญามีนบุรีออกหมายจับไว้ 5 หมายจับ ประกอบด้วย 1.หมายจับ ที่ จ.88/2565 ลงวันที่ 31 ม.ค.65 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง 2.หมายจับ ที่ จ.89/2565 ลงวันที่ 31 ม.ค.65 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันยักยอกทรัพย์ 3.หมายจับ ที่ จ.301/2565 ลงวันที่ 28 มี.ค.65 ข้อหาร่วมกันเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและร่วมกันยักยอกทรัพย์ 4.หมายจับ ที่ จ.302/2565 ลงวันที่ 28 มี.ค.65 ข้อหายักยอกทรัพย์ และ 5.หมายจับที่ จ.184/2565 ลงวันที่ 24 ก.พ.65 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง ต่อมาตำรวจ กก.4.บก.ปคบ.สืบทราบว่านาย สหพร ยศฐวัช หลบหนีมาอยู่ในพื้นที่ ต.โพธิ์กลาง อ.เมืองนครราชสีมา ติดตามจับกุมไว้ได้ดังกล่าว ขณะที่ น.ส.รัตศุภา จิณะแสน หลังรู้ตัวว่าถูกออกหมายจับเดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจ สน.บางเขน เมื่อวันที่ 23 มี.ค. สอบสวนนายสหพรให้การปฏิเสธ คุมตัวส่ง สน.บางเขน ดำเนินคดีดำเนินคดี