ศาลฎีกาฯนักการเมือง พิพากษายืนจำคุก “วัฒนา เมืองสุข” อดีต รมว.พม. 99 ปี ริบเงิน 89 ล้านบาท คดีร่วมกับผู้รับเหมาทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร คุมตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯทันที เจ้าตัวให้สัมภาษณ์ก่อนฟังคำพิพากษายืนยันความบริสุทธิ์ โวยเป็นเรื่องการเมืองล้านเปอร์เซ็นต์ ประกาศไม่ว่าคำพิพากษาจะออกมายังไงจะสู้ทุกวิถีทาง รวมถึงการถวายฎีกาในฐานะพสกนิกร

กรณีนายวัฒนา เมืองสุข ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้จำคุกถึง 99 ปีมาถึงฉากสุดท้าย ความคืบหน้าเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 มี.ค. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์คดีอัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้อง นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และพวกรวม 14 คน เป็นจำเลยความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้ หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตาม ป.อาญามาตรา 148 และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ 2502 มาตรา 6 และ 11 ศาลมีคำพิพากษาไปแล้วให้จำคุก นายวัฒนากับพวก แต่ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ให้โอกาสจำเลยอุทธรณ์ได้อีก 1 ครั้ง โดยมีนายวัฒนายื่นอุทธรณ์เพียงคนเดียว

คดีนี้อัยการฟ้องใจความว่า สมัยที่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ หรือนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มีโครงการบ้านเอื้ออาทร นายวัฒนา เมืองสุข เป็นรัฐมนตรีรับผิดชอบโครงการ ต่อมามีการร้องเรียนว่าเกิดการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างผู้เข้าประมูลงานจนปี 2560 ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนายวัฒนาพร้อมจำเลยคนอื่นอีก 14 คน ว่าทุจริตเรียกรับสินบนจากบริษัท พาสทิญ่า จำกัด ผู้รับเหมาโครงการบ้านเอื้ออาทร ผ่านบริษัทและลูกจ้างบริษัท เพรสซิเด้นท์เทรดดิ้ง จำกัด จำนวน 82.6 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทดังกล่าวไม่มีคุณสมบัติในการเข้าเป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ แต่จ่ายสินบนเพื่อให้สามารถเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ ทำให้รัฐเสียหายขอให้ลงโทษตามกฎหมาย

...

ศาลฎีกาฯพิพากษาว่า พวกจำเลยร่วมกันกระทำผิดจริง นายวัฒนา เมืองสุข (ประกัน) จำเลยที่ 1 กระทำผิดตามมาตรา 148 รวม 11 กระทง ให้จำคุกกระทงละ 9 ปี รวมจำคุก 99 ปี และจำคุกนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง (ขัง) จำเลยที่ 4 เป็นเวลา 66 ปี แต่ตามกฎหมายให้จำคุกได้สูงสุด 50 ปี จำคุก น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง (ขัง) จำเลยที่ 5 เป็นเวลา 20 ปี จำคุก น.ส.กรองทอง วงศ์แก้ว จำเลยที่ 6 (ขัง) เป็นเวลา 44 ปี จำคุก น.ส.รุ่งเรือง ขุนปัญญา จำเลยที่ 7 เป็นเวลา 32 ปี ปรับบริษัทเพรสซิเด้นท์อะกริ จำกัด จำเลยที่ 8 จำนวน 2 แสนบาทเศษ และจำคุกนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง จำเลยที่ 10 ที่หนีไม่มาฟังคำพิพากษาเป็นเวลา 4 ปี ออกหมายจับแล้ว ยกฟ้องจำเลยที่ 2 3 9 11-14

ต่อมานายวัฒนา เมืองสุข ยื่นอุทธรณ์ใน 7 ประเด็น อาทิ โครงการนี้เกิดจากการแก้ไขปัญหาความล่าช้าเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย อีกทั้งการอนุมัติก่อสร้างไม่มีมูลให้วิ่งเต้น ทั้งการจ่ายเงินล่วงหน้าแก่ผู้ประกอบการเป็นไปตามระเบียบขั้นตอนมีหลักประกันถูกต้องตามกฎหมาย การกล่าวหาว่า จำเลยที่ 1 เรียกผลประโยชน์เป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น ทั้งการไต่สวนคณะกรรมการไม่ชอบด้วยกฎหมายปรักปรำให้เสียหาย และตนเป็นรัฐมนตรีไม่ได้มีอำนาจอนุมัติให้ใครได้งาน จึงไม่อาจกระทำความผิดตามมาตรา 148 ได้ ก่อนหน้านี้นายวัฒนาประกาศว่า มีคนแนะนำให้หนีแต่ตนจะไม่หนี

เวลา 12.50 น. นายวัฒนาเดินมาถึงศาลฎีกาฯเผยว่า วันนี้มายืนยันความบริสุทธ์ตัวเองและตามหาความเป็นธรรม ที่ผ่านมาเราสู้คดีเต็มที่ หลักการพิจารณาคดีอาญาเป็นหลักการพื้นฐานสากลที่สำคัญ ประการแรกองค์ประกอบของกฎหมายต้องครบ สองข้อเท็จจริงที่นำมาสู่การกล่าวหาต้องพิสูจน์ได้ และสามพยานหลักฐานที่นำมากล่าวหาต้องได้มาโดยชอบ คดีนี้ไม่ถูกต้องทั้งหมดตั้งแต่แรกจนสุดท้าย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 เป็นความผิดใช้อำนาจโดยมิชอบนั้น ต้องมีอำนาจในตำแหน่งก่อน แต่ตัวเองไม่ได้มีอำนาจอนุมัติเพราะการเคหะฯเป็นรัฐวิสาหกิจ ไม่เกี่ยวกับรัฐมนตรีที่จะไปพิจารณา ส่วนรัฐมนตรีจะมีความผิดหากไปสนับสนุนเกี่ยวข้อง แต่ต้องมีคนผิดตัวกลาง ยืนยันว่าไม่มีบุคคลใกล้ชิดไปเรียกรับสินบน อีกทั้งพยานโจทก์ 150 ปาก ไต่สวนมาไม่มีใครเกี่ยวข้องด้วยเลย

“ไม่ยืนยันว่าศาลจะเชื่อคำแถลงปิดคดีของตัวเองหรือไม่ แต่เชื่อว่าสื่อที่รับฟัง ได้ยินครบทุกประเด็นและเกิดข้อสงสัย โดยเฉพาะประธานอนุกรรมการไต่สวนที่ดำเนินการจูงใจพยาน และไม่มีใครออกมาปฏิเสธคัดค้านว่าไม่ได้ทำ ผมจะสู้ทุกวิถีทางรวมถึงการถวายฎีกาในฐานะพสกนิกร ผมนอนหลับปกติ วันนี้มั่นใจในการต่อสู้คดี แต่เตรียมใจไว้ 2 ด้านและยอมรับคำพิพากษา หากไม่เป็นไปตามครรลองจะสู้คดีจนสุดทาง ถ้าเป็นโควิดเสียชีวิตก็ช่วยไม่ได้ และเชื่อมั่นว่าคดีนี้เป็นเรื่องการเมืองล้านเปอร์เซ็นต์”

นายวัฒนากล่าวอีกว่า ในส่วนของอัยการฟ้องเกินข้อกล่าวหา เพราะ ป.ป.ช.มีมติฟ้องข้อกล่าวหาเดียว แต่อัยการฟ้อง 3 ข้อกล่าวหา และศาลฎีกาฯไม่ได้ดู ไม่ได้ยกฟ้องแต่แรก แต่ท้ายที่สุดยกฟ้องหลังต่อสู้คดี ทักท้วงว่าเป็นความบกพร่องในกระบวนการที่ไม่มีความรอบคอบ แต่กลไกตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มีกลไกที่ยื่นอุทธรณ์ได้ หากอุทธรณ์ไม่ได้ติดคุกไปแล้ว สำหรับเอกสาร 1 แผ่นที่เคยชี้ให้ศาลพิจารณานั้น แม้เป็นเอกสารหลักฐานที่ชี้ว่าไปเรียกรับเงิน แต่เอกสารดังกล่าวคนจ่ายเงินเขียนด้านหลังว่า เป็นค่านายหน้าที่ดินที่ได้ตกลงกับนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเอง ย้ำว่านี่คือความไม่รอบคอบในคดี เชื่อว่าคำพิพากษาจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก บรรยากาศการฟังคำพิพากษาที่ศาลฎีกาวันนี้ มีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย นายสมชัย ศรีสุทธิยากร สมาชิกพรรคเสรีรวมไทย มาร่วมติดตามฟังคำพิพากษา

ต่อมาเวลา 14.30 น. ศาลฎีกาโดยองค์คณะทั้ง 9 คนออกนั่งบัลลังก์ องค์คณะชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์พิจารณาอุทธรณ์ของนายวัฒนา จำเลยที่ 1 และคำแก้อุทธรณ์ของอัยการโจทก์แล้ว มีคำพิพากษาเเก้โทษจำเลยที่ 1 4 5 6 7 8 เเละ 10 ให้ริบเงิน 89 ล้านบาท และพิจารณาข้อเท็จจริงในส่วนอาญา อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้นพิพากษายืนจำคุก 99 ปีจากนั้นศาลออกหมายจำคุกส่งตัวนายวัฒนาไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯทันทีโดยรถตู้สีขาว

...