กมธ.ดีอีเอส เชิญ "กสทช.-ดีอี-NT-ไทยคม" ถกปัญหาวงโคจรดาวเทียม เผยเตรียมเปิดประมูลเดือน มิ.ย. แนะต้องมีแผนสำรองฉุกเฉินเผื่อประมูลไม่ทันเวลา อย่าทำให้มูลค่าสูงเกินจนกระทบประชาชน

เมื่อวันที่ 15 ก.พ.65 น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา กมธ.ดีอีเอส ได้ประชุมเพื่อพิจารณาสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม สำหรับตำแหน่งวงโคจรดาวเทียม 119.5 องศาตะวันออก หรือ ดาวเทียมไทยคม 4 ที่จะหมดสัญญาในปี 2566 จึงจะต้องเปิดประมูลเพื่อต่อสัญญาวงโคจร โดยได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจง อาทิ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (NT) ซึ่งการพิจารณาเรื่องดังกล่าวมีความสำคัญที่ กมธ.ได้ติดตามและรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ เนื่องจากดาวเทียมไทยคม 4 ที่ให้หมดสัญญานั้น จึงต้องการทราบความชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า เมื่อถึงเวลาสิ้นสุดระยะการประมูลแล้ว แต่ยังสามารถต่อสัญญาดำเนินการได้ เพราะมีเพียงไม่กี่บริษัทที่มีคุณสมบัติประกอบการได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งถ้าหากเกิดความเสียหายใครจะเป็นผู้รับผิดชอบและมีวิธีการอย่างไร

...

น.ส.กัลยา กล่าวต่อว่า กสทช.ได้ชี้แจงว่าในความต่อเนื่องการให้บริการนั้น กสทช.เองได้เตรียมแผนการให้บริการไว้ 2 ส่วน คือ ในกรณีที่เกิดเหตุขัดข้องโดยไม่คาดฝัน และกรณีที่ดาวเทียมจะหมดอายุ และจะมีดาวเทียมดวงใหม่มาทันเวลาหรือไม่ ซึ่งในกรณีแรกนั้น กสทช. ได้มีแผนรองรับอาจต้องย้ายลูกค้า เพื่อให้ไปใช้บริการจากดาวเทียมดวงอื่นชั่วคราว หรือในกรณีที่ดาวเทียมจะหมดอายุนั้น กสทช.ได้ยืนยันว่าได้พยายามเร่งกระบวนการเปิดประมูล แต่ก็ประสบปัญหาภายในของ กสทช. ที่กรรมการฯใกล้ครบวาระ และรอคณะกรรมการ กสทช. ชุดใหม่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ แต่สำนักงาน กสทช.ก็ได้พยายามแก้ไขปัญหา เพื่อให้การโทรคมนาคมของประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้ เช่น การหาดาวเทียมดวงอื่นที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันมาทดแทน หรือยอมให้มีช่องว่างเวลาระหว่างที่ดาวเทียมดวงแรกหมดอายุ ก่อนที่ดาวเทียมดวงใหม่จะมาให้บริการ ซึ่งในระหว่างนั้น ก็ยังคงอาจต้องใช้ดาวเทียมดวงอื่นๆ ให้บริการชั่วคราว

ด้าน พ.อ.เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะรองประธาน กมธ.ดีอีเอส กล่าวว่า กสทช.มีความตั้งใจที่จะเปิดประมูลคัดเลือกผู้รับใบอนุญาตประกอบการรายใหม่ในเดือน มิ.ย.นี้ โดยให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบการรายใหม่ที่รับช่วงต่อ เป็นผู้รับผิดชอบ ในกรณีที่สามารถต่อสัญญาได้ทันตามกำหนด เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการให้บริการ หรือหากยังไม่มีผู้รับได้ทันกรอบเวลา บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด หรือ NT เป็นผู้รับผิดชอบ และทาง กมธ.ได้แนะนำให้สำนักงาน กทสช.ได้เตรียมแผนฉุกเฉินกรณีที่ กสทช.ไม่สามารถเปิดประมูลสัญญาดาวเทียมได้ทันตามกำหนด เนื่องจาก กสทช.ชุดปัจจุบันใกล้จะครบวาระการทำงานและหวังให้ กสทช.ได้รวบรวมความเห็นเชิงวิชาการว่า การเปิดประมูลนั้น ยังมีความจำเป็นหรือไม่ เพราะการประมูลคลื่นความถี่เป็นความเฉพาะทาง และมีผู้ประกอบการบางรายเท่านั้นที่สามารถทำได้ และอาจมีผู้ประมูลเพียงรายเดียวหรือเกิดนอร์มินีมาร่วมประมูล จนอาจทำให้การประมูลต้องล้มไป หรือทำให้มูลค่าการประมูลสูงจนเป็นผลกระทบ เกิดภาระต่อประชาชน