ศาลตัดสินคดีประวัติศาสตร์ ขบวนการล้มบอลไทยลีก ยันพยานหลักฐานโจทก์แน่นหนาสั่งจำคุกกราวรูด 15 จำเลย ระหว่าง 1-5 ปี ไม่รอลงอาญา มีทั้งผู้ตัดสินฟีฟ่า ไลน์แมน นักบอลชื่อดัง ผอ.สโมสร และนายทุนที่อยู่ในขบวนการล็อกผลบอลเพื่อผลประโยชน์ทางการพนัน หลังฟังคำตัดสินญาติรีบยื่นประกันต่อสู้คดีชั้นอุทธรณ์ต่อไป

ที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 18 มี.ค. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีประวัติศาสตร์ล้มบอลไทยลีก ฤดูกาล 2017 หมายเลขดำ อ.2131/2561 อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้องนายธีรจิตร หรือเก๋ สิทธิศุข จำเลยที่ 1 นายเชิดศักดิ์ หรือจ่อย บุญชู อายุ 48 ปี ผอ.สโมสรศรีสะเกษฯ จำเลยที่ 2 นายภาคภูมิ หรือแบงค์ พันธ์นิกุล อายุ 34 ปี จำเลยที่ 3 นายมานิตย์ หรือเศรษฐปสิทธิ์ หรือป้อม โกมลวัฒนะ อายุ 50 ปี จำเลยที่ 4 นายวัลลภ สมาน อายุ 48 ปี จำเลยที่ 5 นายกิตติภูมิ หรือ เด่น ปาภูงา อายุ 34 ปี อดีตนักฟุตบอล จำเลยที่ 6 นายภุมรินทร์ คำรื่น อายุ 31 ปี ผู้ตัดสินฟีฟ่า 2017 จำเลยที่ 7 นายวีระ เกิดพุดซา อายุ 36 ปี ผู้รักษาประตูทีมนครราชสีมามาสด้าเอฟซี จำเลยที่ 8 จ.อ.เสกสันต์ หรือเสก ชาวทองหลาง อายุ 37 ปี นักเตะราชนาวีเอฟซีจำเลยที่ 9 จ.ท.สุทธิพงษ์ เหลาพร อายุ 31 ปี นักเตะราชนาวีเอฟซี จำเลยที่ 10 จ.ท.สุวิทยา นำสินหลาก อายุ 29 ปี นักเตะราชนาวีเอฟซี จำเลยที่ 11 นายณรงค์ วงษ์ทองคำ อายุ 39 ปี ผู้รักษาประตูราชนาวีเอฟซี จำเลยที่ 12 ส.อ.ธีรชัย งามเจริญ อายุ 38 ปี นักเตะศรีสะเกษเอฟซี จำเลยที่ 13 นายทศพร เขม็งกิจ อายุ 35 ปี นักเตะศรีสะเกษเอฟซี จำเลยที่ 14 และนายเอกพันธ์ จันดากรณ์ อายุ 35 ปี อดีตนักเตะศรีสะเกษเอฟซี จำเลยที่ 15

ความผิดฐานร่วมกันให้ หรือขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่นักกีฬาอาชีพ หรือผู้อื่นเพื่อจูงใจให้นักกีฬาอาชีพกระทำการล้มกีฬา ฐานร่วมกันให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ผู้ตัดสิน หรือผู้อื่นเพื่อจูงใจให้ผู้ตัดสินทำหน้าที่ตัดสินไม่เป็นไปตามระเบียบ หรือกติกาการแข่งขัน หรือทำหน้าที่ตัดสินอย่างไม่ถูกต้องเที่ยงธรรม ฐานเป็นผู้ตัดสินเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเพื่อทำหน้าที่ตัดสินไม่เป็นไปตามระเบียบ หรือกติกาการแข่งขัน หรือทำหน้าที่ตัดสินอย่างไม่ถูกต้องเที่ยงธรรม ฐานร่วมกันและเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นเพื่อให้กระทำการล้มกีฬา ฐานร่วมกันลักลอบเล่นการพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอลพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต

...

กรณีระหว่างวันที่ 20 ก.ย.60 วันที่ 21-26 ก.ค.60 วันที่ 10 ก.ย.60, วันที่ 11-23 ก.ย.60 นายธีรจิตร หรือเก๋ สิทธิศุข ผู้ช่วยผู้ตัดสินจำเลยที่ 1 ร่วมกับกลุ่มนายทุนจำเลยที่ 2-6 ที่ให้หรือรับว่าจะให้เงินกับกลุ่มนักกีฬาจำเลยที่ 8-15 นักเตะทีมศรีสะเกษเอฟซี และทีมราชนาวี เพื่อจูงใจให้ล้มฟุตบอลรายการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก (T1) ที่ใช้ชื่อรายการว่า โตโยต้าไทยลีกด้วยการแกล้งแพ้ เป็นเงินครั้งละ 300,000-800,000 บาท และร่วมกันให้เงินครั้งละ 100,000 บาท กับนายภุมรินทร์ คำรื่น ผู้ตัดสินฟีฟ่า 2017 จำเลยที่ 7 ซึ่งทำหน้าที่ผู้ตัดสิน เพื่อจูงใจให้ทำหน้าที่ตัดสินไม่เป็นไปตามระเบียบหรือกติกาแข่งขัน เพื่อให้ผลการแข่งขันเป็นไปตามที่จำเลยกลุ่มนายทุนและจำเลยที่ 1 เล่นพนันผ่านทางเว็บไซต์ ชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 2 5 7-15 ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 3 4 และ 6 รับสารภาพเฉพาะข้อหาร่วมกันลักลอบพนันทายผลฟุตบอลโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ

วันนี้จำเลยที่ 1-15 พร้อมทนายเดินทางมาฟังคำพิพากษาอย่างพร้อมเพรียงโดยมีญาติมาให้กำลังใจ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้วเห็นว่า โจทก์มีพยานหลักฐานแน่นหนา พิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดจำคุกนายธีรจิตร อดีตผู้ช่วยผู้ตัดสินจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 5 ปี ปรับ 2,000 บาท จำคุกนายเชิดศักดิ์ อดีต ผอ.สโมสรศรีสะเกษฯจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 4 ปี ปรับ 2,500 บาท จำคุกนายภาคภูมิ (นายทุน) จำเลยที่ 3 เป็นเวลา 4 ปี ปรับ 2,000 บาท จำคุกนายมานิตย์ (นายทุน) จำเลยที่ 4 เป็นเวลา 4 ปี ปรับ 2,000 บาท จำคุกนายวัลลภ (นายทุน) จำเลยที่ 5 เป็นเวลา 2 ปี ปรับ 2,500 บาท จำคุกนายกิตติภูมิ (นายทุน) อดีตนักฟุตบอลชื่อดังจำเลยที่ 6 เป็นเวลา 2 ปี ปรับ 1,500 บาท จำคุกนายภุมรินทร์ อดีตผู้ตัดสินฟีฟ่าจำเลยที่ 7 เป็นเวลา 2 ปี จำคุกนายวีระ อดีตผู้รักษาประตูทีมนครราชสีมาฯจำเลยที่ 8 เป็นเวลา 1 ปี และจำคุก จ.อ.เสกสันต์ อดีตนักเตะราชนาวีจำเลยที่ 9 จ.ท.สุทธิพงษ์ อดีตนักเตะราชนาวี จำเลยที่ 10 จ.ท.สุวิทยา อดีตนักเตะราชนาวีจำเลยที่ 11 นายณรงค์ อดีตนักเตะศรีสะเกษจำเลยที่ 12 คนละ 2 ปี ส่วน ส.อ.ธีรชัย อดีตนักเตะศรีสะเกษ จำเลยที่ 13 นายทศพร อดีตนักเตะศรีสะเกษ จำเลยที่ 14 และนายเอกพันธ์ อดีตนักเตะศรีสะเกษจำเลยที่ 15 จำคุกคนละ 1 ปี หลังฟังคำพิพากษาญาติยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ประกันตัวสู้คดีชั้นอุทธรณ์ต่อไป