ผู้ว่า ททท.ยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษ โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร ที่อาจจะเข้าข่ายกระทำความผิดเงื่อนไขโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” กับ รอง ผบ.ตร.หลังพบโรงแรม 312 แห่ง ร้านค้าราว 202 รายต้องสงสัย

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 ธ.ค.63 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษ กรณีพบความผิดปกติของธุรกรรมทางการเงินในโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน”กับพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.ที่ห้องประชุม 4 ชั้น 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ด้วยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในฐานะเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ได้รับข้อมูลว่ามีผู้ที่เข้าข่ายกระทำความผิดเงื่อนไขของโครงการกระจายอยู่ทั่วประเทศ วันนี้ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้นำข้อมูลของโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร ที่อาจจะเข้าข่ายกระทำความผิดเงื่อนไข เพื่อใช้ประกอบการสืบสวนสอบสวน หาข้อเท็จจริง ในการดำเนินการตามกฎหมาย ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ช่วยพิจารณาดำเนินการ หากพบว่ามีการกระทำความผิดก็ขอให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นายยุทธศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในการวิเคราะห์ข้อมูลการทำธุรกรรมในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา พบว่ามีกรณีการกระทำที่เข้าข่ายทุจริตในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน มีทั้งในส่วนของผู้ประกอบการโรงแรม และในส่วนของร้านค้าที่รับชำระผ่านคูปองใช้จ่าย รูปแบบการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้น ได้แก่

รูปแบบที่ 1. การเข้าเช็กอินในโรงแรมราคาถูก แต่ไม่ได้มีการเข้าพักจริง ซึ่งจะได้ประโยชน์ในการใช้สิทธิคูปองใช้จ่ายวันธรรมดา 900 บาท วันเสาร์-อาทิตย์ 600 บาท โรงแรมขึ้นราคาค่าห้องพัก
รูปแบบที่ 2. ร่วมมือกับร้านอาหาร หรือร้านค้าที่รับชำระคูปอง ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นการซื้อขายสิทธิการใช้ห้องพัก แต่ไม่ได้เกิดการเดินทางจริง โดยสาเหตุที่ก่อให้สามารถกระทำลักษณะดังกล่าวได้ เป็นเพราะที่ผ่านมามีการปลดล็อกเงื่อนไข ให้สามารถใช้สิทธิเดินทางท่องเที่ยวได้ในภูมิลำเนาของตนเอง โดยเป็นการกระทำในแบบผู้ได้สิทธิร่วมมือกับโรงแรม ส่งเลขบัตรประชาชน 4 หลักสุดท้าย และเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งสามารถใช้รับรหัสโอทีพียืนยัน ถือเป็นการโอนสิทธิได้
รูปแบบที่ 3. จองแล้วยังไม่ได้เช็กอิน และยังไม่ชำระเงิน มีการใช้ส่วนต่างของคูปองเพื่อรับส่วนต่างเต็มจำนวนกรณีร้านค้าเพิ่มราคาอาหารไปมากกว่ามูลค่าอาหาร
รูปแบบที่ 4. มีการเข้าพักจริง แต่เข้าพักแบบเป็นกรุ๊ปเหมา โดยตั้งราคาห้องพักในระดับสูง และสามารถรับเงินส่วนต่างที่ตกลงกันไว้ เป็นการร่วมมือกันระหว่างโรงแรมและผู้เข้าพัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกรณีที่จองตรงกับโรงแรม
และรูปแบบที่ 5. โรงแรมที่เปิดขายห้องพักเกินจำนวนจริงที่มี อาทิ มีห้องพักจริง 100 ห้อง แต่เปิดขาย 300 ห้อง ซึ่งจำนวนห้องที่เกินมาจะนำไปขายต่อให้กับโรงแรมอื่น เพื่อรับประโยชน์จากเงินส่วนต่าง ธุรกรรมที่ต้องสงสัยมีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นโรงแรม และร้านค้า จากข้อมูลที่มีพบว่า มีโรงแรมที่เข้าข่ายพฤติกรรมต้องสงสัยจำนวนประมาณ 312 ราย ร้านค้ามีประมาณ 202 ราย 

...

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เป็นโครงการที่ประชาชนชื่นชอบ ให้ความสนใจ ซึ่งทางกระทรวงการคลัง และธนาคารกรุงไทย ได้ตรวจสอบว่ามีการเข้าข่ายกระทำความผิดในเส้นทางการเงิน ในลักษณะฉ้อโกงเงินของรัฐบาล ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงได้นำข้อมูลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตรวจสอบข้อมูลผู้เข้าข่ายกระทำความผิด เบื้องต้นในข้อมูลมีหลายโรงแรมมาก รวมถึงร้านค้าต่างๆ จากนี้เราจะรีบดำเนินการตรวจสอบ และดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิด

รอง ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นจะมอบหมายให้ บช.ก.รับผิดชอบในคดีดังกล่าว และเนื่องจากคดีนี้อาจมีผู้กระทำความผิดจำนวนมาก ดังนั้นจะเสนอผบ.ตร.ตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวน ในนามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้พนักงานสอบสวนทั่วประเทศ ในพื้นที่ที่เข้าข่ายมีผู้กระทำความผิดได้เป็นพนักงานสอบสวนร่วม ในการดำเนินคดี ซึ่งจะมีการดำเนินการให้เร็วที่สุด เนื่องจากไม่อยากให้โครงการต้องชะลอลงไป จึงอยากจะฝากเตือนผู้ประกอบการ ร้านค้า ว่าการกระทำต่างๆ ตำรวจมีวิธีสืบสวนสอบสวน ดังนั้นอย่าทำอีกเลย.