มกอช. เผย Codex เตรียมประกาศมาตรฐานใหม่ ยกระดับการจัดการด้านสุขลักษณะและสารก่อภูมิแพ้ตลอดห่วงโซ่การผลิตอาหาร และการจัดการ เร่งประชาสัมพันธ์ผู้ประกอบการ ศึกษาหลักปฏิบัติ พร้อมปรับตัว เพื่อส่งออกสินค้าเกษตรไทยไม่สะดุดในอนาคต


เมื่อวันที่ 5 ส.ค.63 นางสาวจูอะดี พงศ์มณีรัตน์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า การประชุม Codex Alimentarius Commission (CAC) ครั้งที่ 43 เดิมกำหนดจัดการประชุมระหว่างวันที่ 6-11 ก.ค.63 ณ กรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ระบาดของโรค COVID-19 Mr. Guilherme da Costa ประธานคณะกรรมการธิการโคเด็กซ์ จึงได้พิจารณาประชุมคณะกรรมการบริหารโคเด็กซ์ (Executive Committee) ทางออนไลน์แทน ระหว่างวันที่ 13 – 20 ก.ค.63 เพื่อทบทวนการดำเนินงานของโคเด็กซ์และร่างมาตรฐานต่างๆ ที่อยู่ระหว่างรอเสนอ CAC ครั้งที่ 43 และจากการประชุมคณะกรรมการบริหารดังกล่าว โคเด็กซ์เล็งเห็นความเป็นไปได้ในการจัดประชุม CAC ครั้งที่ 43 ทางออนไลน์ เพื่อรับรองร่างมาตรฐานต่างๆ ที่คณะกรรมการโคเด็กซ์ทุกสาขาจัดทำ โดยเฉพาะร่างมาตรฐานที่อยู่ในขั้นตอนเสนอรับรองเพื่อประกาศใช้ โดยที่สำคัญและมีผลต่อประเทศไทย จำนวน 2 เรื่องคือ

เรื่องแรก Codex ได้ทบทวนมาตรฐานหลักการทั่วไปสำหรับสุขลักษณะอาหาร (General Principles of Food Hygiene (CXC1-1969) and its HACCP Annex) เพื่อสร้างความเชื่อมโยงระหว่างหลักการทั่วไปด้านสุขลักษณะอาหารและการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤติในธุรกิจอาหาร กำหนดให้ผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร (Food Business Operators) ซึ่งครอบคลุมเกษตรกร ผู้ประกอบการผลิตอาหารตลอดห่วงโซ่ต้องเข้าใจและทราบถึงอันตรายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมาตรการที่ใช้เพื่อป้องกันและกำจัดอันตรายเหล่านั้น โดยแบ่งมาตรการเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. การควบคุมทั่วไปด้วยการปฏิบัติที่ดีทางสุขลักษณะ  2. การควบคุมที่เฉพาะเจาะจงกับอันตราย ณ จุดวิกฤติที่ต้องควบคุม และ 3. การควบคุมทั่วไปด้วย GHP แต่ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมากกว่าจุดอื่น

...

มาตรฐานนี้หน่วยรับรองในประเทศได้มีการนำไปใช้ตรวจรับรอง และประเทศต่างๆ ได้นำไปใช้อ้างอิงเพื่อออกเป็นกฎหมายของประเทศตนเอง จึงมีผลกระทบต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมผลิตอาหาร ขณะเดียวกัน มกอช. ได้ทบทวนมาตรฐานสินค้าเกษตรเรื่อง หลักเกณฑ์การปฏิบัติ: หลักการทั่วไปเกี่ยวกับสุขลักษณะอาหาร (มกษ. 9023-2550) และเรื่อง ระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤติที่ต้องควบคุมและแนวทางในการนำไปใช้ (มกษ. 9024-2550) รวมถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติที่ดีทางการผลิต เพื่อให้สอดคล้องกับสากล 

เรื่องที่สอง Codex เตรียมประกาศมาตรฐานใหม่ เรื่อง "หลักปฏิบัติสำหรับการจัดการสารก่อภูมิแพ้สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร" ซึ่งครอบคลุมการจัดการสารก่อภูมิแพ้ตลอดห่วงโซ่การผลิตอาหาร ได้แก่ ผู้ผลิตขั้นต้น โรงงานแปรรูป ร้านค้าปลีก และร้านอาหาร เพื่อให้มีการป้องกันการปนเปื้อนของสารก่อภูมิแพ้จากเครื่องมือเครื่องจักรที่ใช้การทำความสะอาด โดยยังเน้นให้มีโปรแกรมการฝึกอบรมพนักงานให้เหมาะสมกับหน้าที่ที่รับผิดชอบ ซึ่งมาตรฐานนี้จะมีความสำคัญมากในอนาคต และต่อการค้าระหว่างประเทศ ผู้ประกอบการจึงควรเตรียมความพร้อมให้ดี

และเรื่องที่สาม Codex เตรียมรับรองให้ใช้วัตถุเจือปนอาหาร Xanthan Gum (INS415) และ Pectins (INS440) เป็นสารให้ความข้นเหนียว (Thickener) ในอาหารสำหรับทารกและอาหารทางการแพทย์สำหรับทารกที่ระดับ 0.19 และ 0.2 g ในผลิตภัณฑ์ 100 ml ตามลำดับ ซึ่งจะมีผลต่อผู้ประกอบการที่ต้องควบคุมปริมาณการใช้สารดังกล่าว อย่างไรก็ตาม Codex อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุเจือปนอาหาร ในกรอบการพิจารณาเหตุผลทางเทคโนโลยีการผลิต เพื่อทบทวนการใช้วัตถุเจือปนอาหารเพิ่มเติมอีก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการผลิตอาหารดังกล่าว

"ฉะนั้น มกอช. ในฐานะหน่วยงานกลางด้านมาตรฐาน ซึ่งเป็นผู้แทนประเทศไทยในการเข้าร่วมการประชุม Codex จะประสานผู้ประกอบการเตรียมข้อมูล เหตุผลความจำเป็นทางด้านเทคโนโลยีการผลิต เพื่อเสนอต่อ Codex รวมทั้งมีการแจ้งเตือนหาก Codex พิจารณายกเลิกรายการวัตถุเจือปนอาหารที่เคยอนุญาตให้ใช้ รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการได้ตระหนัก พร้อมศึกษาและปรับตัวตามมาตรฐานหลักการทั่วไปสำหรับสุขลักษณะอาหาร ที่เกี่ยวข้องกับ GMP และ HACCP และมาตรฐานหลักปฏิบัติสำหรับการจัดการสารก่อภูมิแพ้สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร เพื่อไม่ให้กระทบการส่งออกสินค้าเกษตรไทยในอนาคต" เลขาธิการ มกอช. กล่าว.