ภายในรอบ 24 ชั่วโมง ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากทั่วโลก เพิ่มขึ้น 1 แสนกว่าราย มาอยู่ที่ 7,015,079 ราย เสียชีวิต 402,852 ศพ รักษาหายแล้ว 3,142,453 ราย จากการรายงานของศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ เมื่อเวลา 12.33 น. วันที่ 8 มิ.ย.

  • ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตในสหรัฐฯ ยังคงอันดับ 1 ของโลก ภายในรอบ 24 ชั่วโมง ผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้น 1.8 หมื่นราย มาอยู่ที่ 1,942,363 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 373 ศพ ซึ่งอัตราการเสียชีวิตเริ่มชะลอตัวลง รวม 110,514 ศพ

  • บราซิล วิกฤติหนัก จำนวนผู้ติดเชื้ออันดับ 2 ของโลก ผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้น 1.5 หมื่นราย มาอยู่ที่ 691,758 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1,268 ศพ สูงที่สุดในโลกในรอบ 24 ชั่วโมง มาอยู่ที่ 36,455 ศพ เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากอังกฤษที่มีผู้เสียชีวต 40,625 ศพ จากจำนวนผู้ติดเชื้อ 287,621 ราย

  • ทวีปอเมริกาใต้ กลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของการระบาด โดยเฉพาะบราซิลระบาดหนักสุด มีทีท่าจะคุมการระบาดไม่อยู่ และตัวเลขผู้ติดเชื้อในภูมิภาคนี้อาจต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากหลายประเทศมีอัตราการตรวจโรคที่ต่ำ และมีหลายกรณีที่การเสียชีวิตจากไวรัสมรณะตัวนี้ไม่รายงานกับเจ้าหน้าที่

  • อินเดีย ประเทศในเอเชียที่น่าห่วงมากสุด มีจำนวนผู้ติดเชื้ออันดับ 5 ของโลก แซงหน้าสเปน และอิตาลี โดยรอบ 24 ชั่วโมง มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 1 หมื่นกว่าราย มาอยู่ที่ 257,486 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 261 ศพ มาอยู่ที่ 7,207 ศพ

  • เปรู อีกหนึ่งประเทศในทวีปอเมริกาใต้ เริ่มส่อเค้าคุมไม่อยู่ แซงหน้าฝรั่งเศสและเยอรมนี ขึ้นมาอยู่อันดับ 8 ของโลก ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 4.7 พันราย มาอยู่ที่ 196,515 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 164 ศพ มาอยู่ที่ 5,465 ศพ เช่นเดียวกับชิลี ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 6 พันกว่าราย มาอยู่ที่ 134,150 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 649 ศพ มาอยู่ที่ 2,190 ศพ

  • ขณะที่จีน มีผู้ติดเชื้อสะสม 84,191 ราย เสียชีวิต 4,638 ศพ สามารถคุมการแพร่ระบาดได้แล้ว และภายหลังทางการจีนอนุมัติการทดลองทางคลินิกของวัคซีนชนิดเนื้อตาย 4 รายการ และวัคซีนชนิดใช้อะดิโนไวรัสเป็นตัวนำพา 1 รายการ ในการยับยั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยประสบความสำเร็จพร้อมใช้งาน จึงได้ประกาศจะให้เป็นสินค้าสาธารณะของโลก สร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ

  • สถานการณ์ในกลุ่มประเทศอาเซียน สิงคโปร์ ยังคงมีผู้ติดเชื้ออันดับ 1 ในรอบ 24 ชั่วโมง ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 383 ราย มาอยู่ที่ 37,910 ราย เสียชีวิตคงที่ 25 ศพ ตามมาด้วยอินโดนีเซีย ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 672 ราย สูงสุดในอาเซียนในรอบ 1 วัน มาอยู่ที่ 31,186 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 50 ศพ มาอยู่ที่ 1,851 ศพ สูงที่สุดในอาเซียน และฟิลิปปินส์ ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 555 ราย มาอยู่ที่ 21,895 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 9 ศพ มาอยู่ที่ 1,003 ศพ



  • ไทย อันดับ 81 ของโลก มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 7 ราย ทั้งหมดเดินทางมาจากต่างประเทศ เข้ากักตัวใน State Quarantine ทำให้ผู้ป่วยสะสม 3,119 ราย หายป่วยแล้ว 2,973 ราย เสียชีวิตคงที่ 58 ศพ โดยผู้ป่วยสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยก่อนหน้า มีจำนวน 1,191 ราย ผู้ป่วยมีอาชีพเสี่ยงทำงานในสถานที่แออัด 284 ราย ผู้ป่วยเกี่ยวข้องกับสนามมวย 274 ราย คนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ 269 ราย และเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง 227 ราย

  • ผู้ป่วยใหม่ 2 รายแรก เดินทางมาจากปากีสถาน ทั้งคู่เป็นนักศึกษาชายไทย อายุ 28 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. เข้าพัก State Quarantine ในกรุงเทพฯ ตรวจเชื้อครั้งแรก วันที่ 6 มิ.ย. และตรวจพบเชื้อในทันที

  • อีก 4 ราย มาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ เป็นหญิงไทย 3 ราย อาชีพพนักงานนวด อายุ 39-43 ปี และนักเรียนชายไทย อายุ 11 ปี เดินทางถึงไทยวันที่ 2 มิ.ย. เข้าพัก State Quarantine ในกรุงเทพฯ ตรวจเชื้อครั้งแรกวันที่ 5 มิ.ย. พบเชื้อ ทุกรายไม่มีอาการ และอีก 1 ราย มาจากสหรัฐฯ เป็นหญิงไทย อายุ 37 ปี ถึงไทยวันที่ 1 มิ.ย. เข้าพัก State Quarantine ในกรุงเทพฯ ตรวจเชื้อครั้งแรกวันที่ 4 มิ.ย. พบเชื้อ ไม่มีอาการ

  • เมื่อจำแนกผู้ป่วยตามพื้นที่การรักษา ซึ่งรวมผู้ป่วยเข้าพักใน State Quarantine และศูนย์กักตัว ตรวจคนเข้าเมือง ทำให้ขณะนี้พื้นที่กรุงเทพฯ และนนทบุรี มีจำนวน 1,743 ราย ภาคใต้ 743 ราย ภาคกลาง 427 ราย ภาคอีสาน 111 ราย และภาคเหนือ 95 ราย

  • สรุปตั้งแต่เดือน ก.พ. ถึงวันที่ 8 มิ.ย. พบผู้ป่วยเดินทางมาจากต่างประเทศ เฉพาะเข้าพักในสถานกักกันโรค State Quarantine รวมจำนวน 182 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 50 ราย, ชลบุรี 29 ราย, สมุทรปราการ 25 ราย, สงขลา 25 ราย, สตูล 18 ราย, ปัตตานี 14 ราย, ยะลา 9 ราย, นราธิวาส 9 ราย และกระบี่ 3 ราย.

...