"อัศวิน" เผย กทม.เปิดสวนสาธารณะ 30 แห่งทั่วกรุง ให้ประชาชนลอยกระทงจนถึงเที่ยงคืน คาดเก็บกวาดกระทงแล้วเสร็จเช้าพรุ่งนี้ ด้านตำรวจเน้นความปลอดภัยทุกพื้นที่ ย้ำมาตรการ "3 ห้าม 3 ไม่ 3 ควร" นักท่องเที่ยว 

เมื่อวันที่ 11 พ.ย.62 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังเปิดงานลอยกระทง บริเวณใต้สะพานพระราม 8 ว่า ทางกรุงเทพมหานครได้กำหนดจัดงานเทศกาลลอยกระทง เพื่ออนุรักษ์และสืบสานประเพณีไทย สืบทอดวิถีชีวิตของชุมชนที่มีต่อสายน้ำ และตระหนักถึงคุณค่าของศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีไทยอันดีงาม ที่ได้สืบทอดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมจากอดีตถึงปัจจุบัน เป็นการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่ต่อไป รวมทั้งรณรงค์ให้ประชาชนใช้วัสดุธรรมชาติในการจัดทำกระทง เพื่อลดปริมาณขยะและร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมกันนี้ กทม.ได้เปิดสวนสาธารณะ 30 แห่งทั่วกรุงเทพฯ ให้ประชาชนเข้าไปลอยกระทง ได้จนถึงเวลา 24.00 น. อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบยังไม่พบการกระทำความผิด การเล่นดอกไม้เพลิงหรือการจุดพลุ รวมทั้งบรรดาผู้ค้าที่ฝ่าฝืนทำกระทงจากวัสดุย่อยสลายยาก โดยส่วนตัวเชื่อว่าพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ต่างเข้าใจ และคงให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ดีช่วงกลางดึกวันนี้ทางเจ้าหน้าที่สำนักสิ่งแวดล้อม สำนักการระบายน้ำ และสำนักงานเขต จะร่วมกันจัดเก็บกระทงที่ประชาชนนำมาลอย เพื่อขอขมาพระแม่คงคาในเทศกาลลอยกระทง คาดว่าจะแล้วเสร็จในเช้าวันพรุ่งนี้ (12 พ.ย.) 

ด้าน พล.ต.ต.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผบก.ทท.1 กล่าวว่า สำหรับมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยนั้น กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้บูรณาการร่วมกับหลายหน่วยงาน อำนวยความสะดวกด้านการจราจร ควบคู่กับดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยวอย่างเต็มสุดกำลังความสามารถ โดยในพื้นที่ กทม.สั่งการให้ตำรวจท่องเที่ยวกว่า 200 นาย วางกำลังตามแหล่งท่องเที่ยว หรือสถานที่ที่มีการจัดงานกิจกรรมลอยกระทง เพื่อเสริมการปฎิบัติของตำรวจท้องที่

...

นอกจากนี้ยังประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยว เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในวันลอยกระทง เพื่อสืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย คอยให้คำแนะนำและแก้ไขปัญหาต่างๆให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวทุกนาย ต้องให้บริการด้วยความจริงใจ สุภาพ ทั้งกิริยาและวาจา

สำหรับมาตรการดูแลความปลอดภัยงานประเพณีลอยกระทง ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) "3 ห้าม 3 ไม่ 3 ควร "ดังนี้ 3 ห้าม 1.ห้ามเล่นดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด โคมลอยในลักษณะสร้างความเดือดร้อนรำคาญ หรืออาจเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งมีโทษฝ่าฝืนจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท 2.ห้ามยิงปืนขึ้นฟ้าโดยไม่มีเหตุอันควร มีโทษทั้งจำทั้งปรับ 3.ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทางในขณะขับขี่หรือโดยสารหรือบนรถ ตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาตรา 42 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  3 ไม่ คือ 1.ไม่ควรแต่งกายล่อแหลมต่อมิจฉาชีพ 2.ไม่ควรปล่อยให้เด็กไปเที่ยวงานตามลำพัง 3.ไม่ควรไปเที่ยวในสถานอโคจรมั่วสุม 3 ควร คือ 1.ควรระมัดระวังการใช้บริการโป๊ะ ท่าเทียบเรือ โดยเฉพาะในที่ที่มีคนจำนวนมาก 2.ควรกำชับบุตรหลานให้ระมัดระวังการถูกล่อลวงไปในทางมิชอบ 3.ควรรื่นเริงบนพื้นฐานของการสืบสานประเพณีไทย สิ่งสำคัญคือหากประชาชนและนักท่องเที่ยวพบเห็นเหตุสิ่งของ หรือบุคคลต้องสงสัยที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายและเป็นอันตราย สามารถแจ้งข้อมูลมายังสายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง