ชุดสืบสวนนครบาลตามรวบอดีตหนุ่มแบงก์ เจ้าหน้าที่สินเชื่อซื้อ-ขายรถยนต์ สุดแสบ อาศัยลู่ทางเคยเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ ขโมยบัตรเครดิตเหยื่อไปรูดซื้อสินค้า ใช้วิธีแจ้งเปลี่ยนโทรศัพท์เจ้าของบัตรตัวจริง มาเป็นเบอร์ของตัวเอง เพื่อป้องกันธนาคารแจ้งข้อมูลการใช้บัตร เจ้าตัวสารภาพก่อเหตุกับเหยื่อทั้งหมด 25 ราย ส่วนใหญ่เป็นคนใกล้ตัวไม่เว้นแม้เพื่อนสนิท สร้างความเสียหายเกือบ 3 แสนบาท

ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 9 ต.ค. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อรรถพล อนุสิทธิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.ยิ่งยง มีคุณ รอง ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ รอง ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. นายปราโมทย์ ลลิกิตติ ประธานชมรมป้องกันทุจริตบัตรเครดิตภายใต้สมาคมธนาคารไทย พร้อมผู้เกี่ยวข้อง แถลงข่าวจับกุมนายธนากร สงวนศักดิ์ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ 523/2562 ลงวันที่ 4 ต.ค.62 ฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน โดยเป็นการกระทำเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้าแทนการชำระด้วยเงินสด ของกลางโทรศัพท์มือถือที่ใช้ทำธุรกรรมและข้อมูลบัตรเครดิตกว่า 20 รายการ จับกุมได้ที่บ้านพักย่านบางบอน กทม.

สืบเนื่องจากชุดสืบสวน กก.สส.2 บก.สส.บช.น. รับแจ้งเบาะแสว่ามีผู้เสียหายทั้งหมด 25 คน ถูกคนร้ายนำบัตรเครดิตไปรูดซื้อสินค้าจนเสียหายรวมมูลค่าทั้งหมด 280,000 บาท ต่อมาพบข้อมูลผู้ก่อเหตุรายนี้คือนายธนากรจึงรวบรวมหลักฐาน ขอศาลออกหมายจับจนนำมาสู่การจับกุมตัว นายธนากรเคยประกอบอาชีพเป็นพนักงานสินเชื่อรถยนต์ของธนาคารแห่งหนึ่งและยังเคยเป็นเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์ของธนาคารเดียวกันแต่ลาออกมาแล้วประมาณ 1 ปี ทำให้รู้ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า อาทิ หมายเลขบัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด เบอร์โทรศัพท์และหมายเลขบัตรเครดิต รวมถึงขั้นตอนการติดต่อทำธุรกรรมเกี่ยวกับบัตรเครดิตว่าจะต้องตอบคำถามอย่างไรบ้าง อาศัยความรู้ดังกล่าวติดต่อไปที่คอลเซ็นเตอร์ของบริษัทบัตรเครดิตที่ลูกค้าใช้เพื่อขอเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ของผู้เสียหายให้มาเป็นเบอร์ของตน เพื่อป้องกันไม่ให้มีข้อความแจ้งเตือนเข้าไปยังโทรศัพท์ผู้ถือบัตรเครดิตตัวจริงหลังนำบัตรไปรูดซื้อสินค้า นายธนากรมักจะเลือกก่อเหตุในเวลากลางคืนเนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ผู้เสียหายพักผ่อนนอนหลับทำให้ไม่ทราบความเคลื่อนไหวทางการเงิน สอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพก่อเหตุโดยล้วงข้อมูลบัตรเครดิตลูกค้าไปแล้วกว่า 20 ใบ ส่วนใหญ่เป็นคนรู้จัก เพราะมีข้อมูลบางส่วนอยู่แล้ว คุมตัวดำเนินคดีตามหมายจับที่ สน.ท่าข้าม ประชาสัมพันธ์ผู้เสียหายที่เคยถูกผู้ต้องหารายนี้ล้วงข้อมูลทางธุรกรรมไปใช้ทำผิดในลักษณะนี้ ติดต่อได้ที่ กก.2 บก.สส.บช.น.เพื่อรับความช่วยเหลือทางคดี

...

น.ส.หนู (นามสมมติ) อายุ 28 ปี ผู้เสียหายรายหนึ่ง เปิดเผยว่า รู้จักกับผู้ต้องหาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย และเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ผู้ต้องหาเคยทำงานเป็นพนักงานไฟแนนซ์ ดูแลการทำสัญญาซื้อ-ขายรถยนต์ ขณะเกิดเหตุผู้ต้องหาโทรศัพท์มาสอบถามข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลบัตรเครดิตของตน 2 ใบ จากนั้นช่วงกลางดึกได้รับข้อความจากธนาคารว่ามีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลเบอร์โทรศัพท์และมีข้อความแจ้งอีกว่า มีการใช้จ่ายบัตรเครดิตกว่า 4 หมื่นบาท มาทราบภายหลังว่าถูกผู้ต้องหาเอาข้อมูลไปใช้เปลี่ยนข้อมูลบัตรเครดิตกับทางธนาคารเพื่อนำไปก่อเหตุ

ด้านนายปราโมทย์ ลลิกิตติ ประธานชมรมป้องกันทุจริตบัตรเครดิตภายใต้สมาคมธนาคารไทยกล่าวว่า ปกติทางธนาคารจะมีขั้นตอนการตรวจสอบตลอด 24 ชม. รวมถึงมีการส่งแจ้งเตือนเวลามีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลบัตรเครดิตของลูกค้าอยู่แล้ว อาทิ แจ้งทาง SMS จึงขอฝากไปถึงผู้ใช้บัตรเครดิต ให้เก็บรักษาข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลบัตรให้ดี อย่าบอกข้อมูลส่วนตัวกับคนอื่น ในอนาคตอาจมีการพัฒนาระบบยืนยันบุคคล ด้วยการยืนยันบุคคลด้วยเสียงมาใช้อีก 1 ช่องทาง เพื่อป้องกันการเข้าถึงของคนร้าย ปัจจุบันมีการใช้ระบบนี้แล้วบางส่วน