ปรับค่าผ่านทางทุก 10 ปี

วันที่ 30 เม.ย. นายสุรงค์ บูลกุล ประธานบอร์ดการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมบอร์ดว่า ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการเจรจาขยายสัญญาสัมปทานระบบทางด่วนขั้นที่ 2 และคดีข้อพิพาทตามสัญญาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด ระหว่าง กทพ. กับบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด หรือ NECL โดยที่ประชุมให้คณะอนุกรรมการคดีข้อพิพาท ไปเจรจากับเอกชนใหม่อีกครั้ง เนื่องจากบริษัทที่ปรึกษาได้เสนอสมมติฐานใหม่ประกอบด้วยหลายปัจจัยที่อาจจะมีผลการเปลี่ยนแปลงผลการเจรจาเดิม เรื่องมูลหนี้และอายุสัมปทานสั้นลง ส่วนผลการเจรจาจะออกมาเช่นไร ได้ข้อยุติหรือไม่ จะต้องรายงานรัฐบาลทราบ

นายสุทธิศักดิ์ วรรธนวินิจ รองผู้ว่าการฝ่ายกฎหมายและกรรมสิทธิ์ ทำการแทนผู้ว่าการ กทพ.กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ด รับทราบตามที่ กทพ. รายงานการแต่งตั้งกรรมการ ผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดยเสนอตั้ง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.เป็นกรรมการแทน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล และเห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการคดีข้อพิพาท เพิ่มอีก 3 คน จากสำนักคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) อัยการสูงสุด และกระทรวงคมนาคม และตั้งนางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นประธานคณะตรวจสอบคณะอนุกรรมการคดีข้อพิพาท ส่วนเรื่องการเจรจาขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 ที่ประชุมให้คณะอนุกรรมการคดีข้อพิพาทไปเจรจากับเอกชน โดยพิจารณาจากที่บริษัทที่ปรึกษาเสนอ ให้ลดอายุสัมปทานสั้นลง จากเดิมที่เสนอ 37 ปี อย่างไรก็ตาม ให้คงสัดส่วนการแบ่งรายได้เท่าเดิมคือ กทพ. 60 เอกชน 40 และปรับค่าผ่านทางทุกๆ 10 ปี.