เป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้น เหตุอาวุธปืนของหลวงจำนวน 11 กระบอก ถูกขโมยไปจากตู้เก็บพัสดุของ สน.ทองหล่อ ซึ่งคดีนี้เป็นข่าวดังทันทีหลัง พ.ต.อ.ชนิน วชิรปาณีกูล รอง ผบก.น. 5 รักษาราชการแทน ผกก.สน.ทองหล่อ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 11 เม.ย.

แจ้งความว่า ปืนที่ไว้ใช้ในราชการ 11 กระบอก หายไปจากตู้ เก็บพัสดุที่อยู่ชั้น 3 ของ สน.ทองหล่อ

ตำรวจและสังคมมองเหมือนกันว่าผู้ต้องสงสัยน่าจะเป็น “คนใน” ที่รู้ช่องทางเป็นอย่างดี

จึงคิดกล้าล้วงคองูเห่าเข้ามาขโมยปืนที่เก็บอยู่ในคลังภายในสถานีตำรวจกลางเมือง

ตำรวจที่ สน.ทองหล่อมั่นใจว่าผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจหรือคนในโรงพัก

เนื่องจากรู้ “กายภาพ” ของโรงพักเป็นอย่างดี

ขณะที่ตำรวจผู้ที่ดูแลตู้เก็บปืนถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัย และอยู่ระหว่างการสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ว่า ตำรวจที่รับผิดชอบประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้อาวุธปืนสูญหายหรือไม่

ตำรวจต้องเร่งหามือมืด

การลักขโมย คนที่เข้ามาลักอาวุธปืน คงไม่ได้หยิบออกไปในครั้งเดียวทั้ง 11 กระบอก แต่น่าจะทยอยขโมยออกไป คาดว่าจะก่อเหตุในช่วงเดือน พ.ย.ปี 61 เรื่อยๆมา

เพราะเดือน ต.ค.ทาง สน.ทองหล่อ มีการตรวจนับจำนวนอาวุธปืนยังอยู่ครบถ้วน

ที่สำคัญ ผู้ที่ก่อเหตุต้องรู้ว่า ตู้เก็บของตัวล็อกไม่สมบูรณ์ ล็อกประตูด้วยการตีบานพับแล้วคล้องกุญแจ ทำให้ประตูตู้เปิดแง้มได้ ความกว้างที่มือสอดเข้าไปหยิบปืนที่ใส่ไว้ในถุงพลาสติกออกไปได้

คนที่รู้ขโมยได้ง่ายมาก

คนส่วนใหญ่มองว่า เป็นเรื่องตำรวจขโมยกันเองหรือ “คนใน” ชี้ช่อง เพราะปืนอยู่ในความครอบครองของเจ้าหน้าที่คลัง หากมีคนเข้าไปงัดแงะทำได้หมายความว่าตำรวจที่รับผิดชอบไม่มีประสิทธิภาพ

...

ที่สำคัญคนร้ายรู้ด้วยว่า ไม่มีกล้องวงจรปิดในจุดที่เก็บอาวุธปืน ทั้งที่อาวุธปืนเป็นทรัพย์สินสำคัญของหลวง “สน.ทองหล่อ” เป็นโรงพักเกรดเอเป็นที่รู้กันของตำรวจนครบาล

ข่าวที่ออกมาทำให้เกิดคำถามว่า ตำรวจหมดสภาพที่จะปกป้องดูแลประชาชน

ขนาดปืนที่อยู่ในคลังของโรงพักยังรักษาไว้ไม่ได้ แล้วจะไปดูแลพี่น้องประชาชนอย่างไร

ยิ่งสอบแล้วตำรวจทำเองเป็นเรื่องใหญ่มาก.

“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th