อดีตผู้บริหาร "ไอเฟค" และผู้ถือหุ้นใหญ่รวม 5 คน เข้ามอบตัวต่อศาลอาญา หลังถูกกล่าวหาครอบงำกิจการ พร้อมยื่นประกันคนละ 2 แสน ด้าน "ไอเฟค" ยันดำเนินคดีถึงที่สุด ไม่ไกล่เกลี่ย

เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (18 มิ.ย.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายสิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ อดีตกรรมการบริษัทและซีอีโอ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ไอเฟค (IFEC), นายแชมป์ ศรีโชคชัยอดีต กรรมการบริหาร IFEC พร้อมด้วย นายทวิช เตชะนาวากุล, นายเทพฤทธิ์ เตชะนาวากุล, นางกนกวรรณ พรทรัพย์อนันต์ ผู้ถือหุ้น ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อศาล หลังตกเป็นจำเลยในความผิดพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 เรื่องการเข้าครอบงำกิจการ (IFEC) โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมีทนายโจทก์และทนายจำเลยเดินทางมาด้วย

จากกรณีที่บริษัท IFEC เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 5 เป็นผู้ถือหลักทรัพย์ ในกิจการ รวมกันถึงร้อยละ 25 ขึ้นไปของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ โดยที่จำเลยที่ 4 (นายสิทธิชัย) เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ยื่นหนังสือถึง กรรมการ IFEC ขอให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารงานและจัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น อันเป็นการครอบงำกิจการตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 เนื่องจากไม่ปรากฏว่ามีการทำคำเสนอซื้อตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์ตามประกาศของคณะกรรมการตลาดทุน ตามหนังสือรับรองประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ข้อมูลรายบริษัท หนังสือลาออกจากตำแหน่งกรรมการ หนังสือขอให้ทำการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหาร และหนังสือขอให้จัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ซึ่งศาลเห็นว่าคดีมีมูล ศาลจึงมีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณาไปก่อนหน้านี้

...

ซึ่งเมื่อถึงเวลานัดศาลได้สอบถามคู่ความทั้งสองฝ่ายว่า ประสงค์ที่จะไกล่เกลี่ยกันหรือไม่ โดยทนายฝ่าย IFEC แถลงไม่ประสงค์จะไกล่เกลี่ย และขอให้คดีเป็นไปตามกระบวนการ พร้อมแถลงต่อศาลขอใช้พยานนำสืบจำนวน 5 ปากใช้เวลา 2 นัด ส่วนด้านทนายจำเลยที่ 1 กับ 2 แถลงต่อศาลขอใช้พยานสืบต่อสู้จำนวน 13 ปาก ส่วนจำเลยที่ 3, 4, 5 ขอใช้พยานในการนำสืบต่อสู้คดีจำนวน 6 ปาก

ศาลพิเคราะห์แล้วให้เวลาโจทก์และจำเลยในการสืบพยานฝ่ายละ 2 นัด และศาลจะให้เวลาสืบพยานเพิ่มเมื่อจำเป็น หรือระยะเวลาในการสืบพยานไม่เพียงพอ โดยศาลจะนัดตรวจความพร้อมของเอกสารอีกครั้งก่อนวันสืบพยานไม่เกิน 3 เดือน

หลังจากนั้นจำเลยได้ยื่นประกันตัวคนละ 2 แสนบาท ทั้งนี้นายสิทธิชัยปฏิเสธที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีการซื้อขายหุ้นให้นายทวิช เป็นสาเหตุการครอบงำกิจการหรือไม่ ตอบเพียงว่าให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย.