จ่อขนข้ามฝั่งพม่า ผลิตยาบ้าได้ 295 ล.

“ป.ป.ส.-ศุลกากร” ประสานหน่วยปราบปรามยาเสพติดพม่า ประจำจังหวัดท่าขี้เหล็ก ยึด “โซเดียมไซยาไนด์” สารตั้งต้นผลิตยานรก 1,500 กิโลกรัม ลักลอบนำเข้าพม่าใกล้สามเหลี่ยมทองคำแหล่งผลิตยาเสพติด จับกุมคนขับรถบรรทุกดำเนินคดี นอกจากนี้ “หน่วยปราบยานรกพม่า” รวบผู้ต้องหาหนีหมายจับศาลเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ “ยุทธ จันแก้ว” ทำหน้าที่เก็บและลักลอบส่งยาให้ลูกค้าไปซุกตัวที่พม่า อายัดทรัพย์สินทั้งที่อยู่ในพม่าและไทย รวมมูลค่า 20 ล้านบาท ให้ส่งตัวมาดำเนินคดีในไทย

ยึดสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดจำนวนมากและจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายใหญ่ เปิดเผยขึ้นที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ถนนดินแดง เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 มิ.ย. นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. พ.ต.อ.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบก.ปส.3 นายถาวร เนียมนำ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด และนายเดชา วิชัยดิษฐ ผอ.การสืบสวนปราบปราม 3 กรมศุลกากร ร่วมกันแถลงจับกุมบุคคลตามหมายจับคดียาเสพติดที่หลบหนีเข้าไปในประเทศเมียนมา และกรณีตรวจยึดสารโซเดียมไซยาไนด์ (SodiumCyanide) 1,500 กิโลกรัม ลักลอบนำเข้าเมียนมาอย่างผิดกฎหมาย

...

นายศิรินทร์ยากล่าวว่า เมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 สำนักงาน ป.ป.ส. รับการประสานจากศุลกากรด่านเชียงแสน จ.เชียงราย ว่ามีการขออนุญาตส่งออกสารโซเดียมไซยาไนด์ 300 ถัง น้ำหนัก 1,500 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 1,500,000 บาท จากไทยไปเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา จะลำเลียงผ่านแม่น้ำโขงแต่ด่านศุลกากรเชียงแสนไม่อนุญาตให้ส่งออก เนื่องจากตามข้อตกลงว่าด้วยการเดินเรือพาณิชย์ในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ห้ามนำสารโซเดียมไซยาไนด์ วัตถุอันตรายขนส่งทางแม่น้ำโขง บริษัทผู้ส่งออกนำสารดังกล่าวเก็บไว้ที่โกดังในพื้นที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย

“สารโซเดียมไซยาไนด์เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ควบคุมโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม การผลิต การนำเข้า การส่งออกหรือการมีไว้ในครอบครองต้องได้รับใบอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม และตามคำสั่ง คสช. ที่ 32/2559 จัดเป็นสารในบัญชี 2 ลำดับที่ 6 สำนักงาน ป.ป.ส. ขอความร่วมมือกับหน่วยงานด้านความมั่งคงให้เฝ้าระวังการนำเข้าและส่งออก ต่อมาเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. มีการขออนุญาตนำสารโซเดียมไซยาไนด์จำนวนดังกล่าวส่งออกไป อ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ด่านศุลกากรแม่สายตรวจสินค้าพบว่ามีใบอนุญาตนำเข้าและส่งออกของกรมโรงงานอุตสาหกรรมถูกต้องตามกฎหมาย สำนักงาน ป.ป.ส. และด่านศุลกากรแม่สายประสานหน่วยปราบปรามยาเสพติดเมียนมา ประจำจังหวัดท่าขี้เหล็กตรวจสอบอีกครั้ง พบว่าไม่มีใบอนุญาตนำเข้าไปเมียนมาถูกต้องตามกฎหมาย เชื่อว่าลักลอบนำไปผลิตยาเสพติด ตรวจยึดสารโซเดียมไซยาไนด์และรถบรรทุกที่ใช้ขน พร้อมควบคุมนายสวัสดิ์ แก้วดำ อายุ 41 ปี ชาวเชียงราย คนขับรถดำเนินคดีตามกฎหมายเมียนมา ข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และไม่ขออนุญาตนำวัตถุอันตรายเข้าในประเทศ” เลขาธิการ ป.ป.ส.เผย

นายศิรินทร์ยากล่าวอีกว่า จากการสอบสวนนายสวัสดิ์ทราบว่า ถูกว่าจ้างให้นำสารโซเดียมไซยาไนด์ไปส่งที่เหมืองทองคำในเมืองย่างกุ้ง เพื่อนำไปใช้เป็นตัวแยกแร่ทองคำ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่ามีการขอนำเข้ามาจากประเทศจีนเพื่อนำส่งไปเมืองย่างกุ้ง แต่กลับนำเข้าทางด้าน อ.ท่าขี้เหล็ก ประกอบกับจุดที่จะนำไปส่งใกล้กับสามเหลี่ยมทองคำ เชื่อว่าอาจจะนำไปใช้ผลิตสารตั้งต้นเฟลิน-2-โพรพาโนน (P2P) ก่อนจะนำไปสกัดเป็นเมตแอมเฟตามีน ใช้ผลิตยาเสพติด หากนำสารโซเดียมไซยาไนด์ 1,500 กิโลกรัม ไปผลิตเป็นไอซ์จะได้ 9,500 กิโลกรัม และหากนำไปผลิตยาบ้าจะได้ 295 ล้านเม็ด ทั้งนี้ ถ้านำไปใช้ผลิตยาเสพติดจริงจะมีมูลค่ามหาศาล

เลขาธิการ ป.ป.ส.เผยต่ออีกว่า ไทยและเมียนมาแลกเปลี่ยนข้อมูลหมายจับระหว่างกัน เมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา หน่วยปราบปรามยาเสพติดเมียนมา ประจำจังหวัดท่าขี้เหล็ก จับกุมนายเจริญ เกียรติพรพานิช อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับศาลอาญาที่ 10/2560 ลงวันที่ 13 ม.ค.60 ข้อหาร่วมกันมีและจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) โดยผิดกฎหมาย ผู้ต้องหาเป็นหนึ่งในเครือข่ายนายยุทธ จันแก้ว อายุ 60 ปี และพวกรวม 4 คน ที่ถูกสำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับดีเอสไอ จับกุมพร้อมไอซ์ 20 กิโลกรัม ยึดทรัพย์สินมูลค่า 10,000,000 บาท และขยายผลออกหมายจับข้อหาสมคบฯ รวม 3 คน คือ นายนรินทร์ จันทร์บำรุง อายุ 34 ปี นายนริศร วัชรีนันท์ อายุ 41 ปี และนายสาม ทองเงิน อายุ 34 ปี จับกุมทั้ง 3 ราย พร้อมอายัดทรัพย์สิน รวมมูลค่า 35,000,000 บาท เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.57

จากการสอบสวนนายเจริญทำหน้าที่เก็บรักษาและลักลอบส่งยาเสพติดให้กับลูกค้าได้หลบหนีไปอยู่ในพื้นที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประสานไปยังหน่วยปราบปรามยาเสพติดเมียนมา จับกุมนายเจริญพร้อมของกลาง เงินสด 4.2 ล้านบาท เงินสด (ธนบัตรเมียนมา) 8.445 ล้านจ๊าด หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 201,560 บาท ทองรูปพรรณ 25 บาท รถเก๋งโตโยต้า อัลพาร์ด 1 คัน รวมมูลค่า 8 ล้านบาท ต่อมา ป.ป.ส. อายัดทรัพย์สินนายเจริญที่อยู่ในไทยเพิ่มเติม ได้แก่ รถยนต์ 3 คัน รถจักรยานยนต์ 8 คัน โฉนดที่ดิน 2 แปลง ทองคำ เงินสด บัญชีธนาคาร กระเป๋าแบรนด์เนมและเครื่องประดับ รวมมูลค่าประมาณ 12,000,000 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่อายัดได้ทั้งหมด 20,000,000 บาท ทั้งนี้ จะประสานทางการเมียนมาส่งตัวนายเจริญกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยต่อไป

...