เกิดสั่นในกระเป๋า ขณะส่งขึ้นเครื่อง ผวาระเบิดรีบตรวจ

เซ็กซ์ทอยทำวุ่น พนักงานยกสัมภาระ สนามบินใจเต้นระทึกหลังสัมผัสได้ถึงความสั่นผิดปกติ ขณะยกกระเป๋าของผู้โดยสารโหลดเข้าใต้ท้องเครื่องบินไทยแอร์เอเชีย ผวาเป็นระเบิด หรือวัตถุอันตรายรีบแจ้งนักบินลงมาดู กัปตันเจอกับตัวกระเป๋าปริศนายังสั่นสะเทือนไม่หยุด ประสานเจ้าหน้าที่การท่าฯสนามบินเชียงใหม่ และหน่วยอีโอดีมาตรวจสอบหาต้นเหตุ โล่งอกกลายเป็น “ไวเบรเตอร์” ที่ผู้หญิงเจ้าของลืมเปิดเครื่องทิ้งไว้

เจ้าหน้าที่สายการบินผวา หลังเจอกระเป๋าผู้โดยสารสั่นได้ รีบแจ้งอีโอดีเข้าตรวจสอบ พบเป็นเซ็กซ์ทอยที่เจ้าของลืมเปิดสวิตช์เครื่องทิ้งไว้ เหตุระทึกครั้งนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 28 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดปัญหาระหว่างการเดินทางของสายการบินไทยแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3438 ขณะจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ มุ่งหน้าสนามบินดอนเมือง เมื่อพนักงานยกสัมภาระ พบกระเป๋าต้องสงสัยเกิดอาการสั่นผิดปกติ ขณะนำขึ้นสายพานลำเลียงสัมภาระเพื่อโหลดเข้าใต้ท้องเครื่องบินที่จอดอยู่ในหลุมจอดหมายเลข 4 ท่าอากาศยานเชียงใหม่ จึงแจ้งนักบินมาตรวจสอบเบื้องต้น ก่อนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของการท่าฯ และเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) กองทัพอากาศ บน. 41 เชียงใหม่ เข้าตรวจสอบ

เมื่อหน่วยอีโอดีมาถึง ได้เข้าไปเคลื่อนย้ายกระเป๋าใบดังกล่าวออกมาเปิดออกดู ท่ามกลางความลุ้นระทึกของเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆที่ยืนดูอยู่ กระทั่งพบต้นเหตุของการสั่นเกิดจากอุปกรณ์เซ็กซ์ทอยแบบสั่น หรือไวเบรเตอร์ ถูกเปิดเครื่องทิ้งไว้ ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวลักษณะเป็นโลหะสีเงินแวววาว รูปไข่รียาว ความยาวราว 3 นิ้ว บรรจุแบตเตอรี่ไว้ภายใน เจ้าหน้าที่จึงปิดสวิตช์เครื่องก่อนจัดเก็บกลับเข้าไปในกระเป๋าตามเดิม สร้างความโล่งใจให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย จากนั้นนักบินนำเครื่องขึ้นบินตามปกติ เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้เครื่องบินดีเลย์ไปประมาณ 5 นาที

...

ต่อมาฝ่ายสื่อสารองค์กร สายการบินไทยแอร์เอเชีย ชี้แจงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 28 ก.ย. เจ้าหน้าที่สายการบินไทยแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD3438 ที่กำลังจะออกเดินทางในเวลา 08.25 น. จากสนามบินเชียงใหม่ มาถึงสนามบินดอนเมือง กทม. ในเวลา 09.40 น. และอยู่ระหว่างขั้นตอนการโหลดกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร ผ่านสายพานลำเลียงเพื่อนำขึ้นไปเก็บยังบริเวณห้องใต้ท้องเครื่องบินก่อนเครื่องจะออกเดินทาง เจ้าหน้าที่ของสายการบินตรวจพบกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสารรายหนึ่ง สีเขียวหัวท้ายมีสีน้ำตาล แบบหูหิ้ว มีอาการสั่นผิดปกติข้างในกระเป๋า จึงแจ้งนักบินในเที่ยวบินดังกล่าวทราบตามกฎความปลอดภัยในการเดินทาง

ต่อมานักบินได้มาตรวจดูแล้วพบว่า อุปกรณ์ภายในกระเป๋ายังสั่นไม่หยุดเกรงว่าจะเป็นอันตราย จึงรีบแจ้งไปยังหน่วยอีโอดี กองทัพอากาศ สังกัดกองบิน 41 เชียงใหม่ ที่ประจำสนามบินเชียงใหม่ ให้เข้ามาตรวจสอบอย่างละเอียด เมื่อเจ้าหน้าที่อีโอดีมาถึงได้เปิดกระเป๋าต้องสงสัยออกดู ปรากฏว่า พบอุปกรณ์ไวเบรเตอร์ หรืออุปกรณ์เพิ่มความสุขทางเพศ ซึ่งเป็นอุปกรณ์เฉพาะทางที่ใช้กับเพศหญิงถูกเปิดเครื่องอยู่และเป็นสาเหตุทำให้กระเป๋าสั่น เจ้าหน้าที่จึงปิดสวิตช์เครื่องดังกล่าวและจัดเก็บอุปกรณ์ลงในกระเป๋าตามเดิม เนื่องจากเห็นว่าไม่ได้เป็นอุปกรณ์ต้องห้ามที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยด้านการบิน จากนั้นเจ้าหน้าสายการบินที่ได้โหลดกระเป๋าที่เหลือขึ้นเครื่องต่อจนครบทั้งลำ ก่อนจะออกเดินทางตามปกติ จากปัญหาดังกล่าวทำให้เที่ยวบินล่าช้ากว่ากำหนดประมาณ 5 นาที ทั้งนี้ ขอฝากประชาสัมพันธ์ไปถึงผู้โดยสาร หากจะนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดขึ้นเครื่องบิน ควรถอดแบตเตอรี่ออกก่อน

ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ผู้ใช้นามว่า “บันทึกไม่ลับของคนขับเครื่องบิน” ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “กรณีพบกระเป๋าต้องสงสัยเกิดอาการสั่นผิดปกติ จากกระเป๋าผู้โดยสารของสายการบินไทยแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3438 ออกเดินทางจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ มุ่งหน้าสนามบินดอนเมือง เมื่อเช้าวันนี้ Security AirAsia แจ้งกระเป๋าต้องสงสัย (กระเป๋ามีลักษณะสั่นตลอดเวลา) ขณะนำขึ้นสายพานลำเลียงกระเป๋า บริเวณหลุมจอดอากาศยานหมายเลข 4 ทาง EOD เข้าตรวจสอบเป็นอุปกรณ์สั่น (คาดว่าจะทำงานเองหลังจากสัมภาระในกระเป๋าไปเบียดโดนสวิตช์ปิด-เปิด) จากเหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของพนักงาน ความช่างสังเกตและมีการติดต่อประสานงานตามระเบียบขั้นตอนปฏิบัติ”

เจ้าของเฟซบุ๊กโพสต์ข้อความต่อไปว่า “อย่ามองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องตลกครับ เพราะเรื่องความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามหรือละเลยได้ ต้องตรวจสอบหาสาเหตุที่มา ครั้งนี้โชคดีไม่ใช่วัตถุอันตรายใดๆ และขอชื่นชมผู้เกี่ยวข้องด้วยครับ ส่วนอุปกรณ์ที่จะโหลดใต้เครื่องต่างๆ ทางที่ดีควรถอดแบตเตอรี่ออกจากอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น กล้อง เครื่องเกม หรือโทรศัพท์ note book อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อป้องกันการลัดวงจรครับ ข้อมูลเพิ่มเติม การก่อการร้ายสมัยใหม่นั้น สามารถนำสิ่งของรอบๆตัวในชีวิตประจำวันของเรามาประกอบระเบิด หรือวัตถุอันตรายได้ และนี่คือเหตุผลที่ห้ามนำของเหลวมากกว่า 100 mil. ผ่านจุด X-Ray หรือแม้กระทั่ง วัตถุระเบิดบางแบบ อาจจะไม่ใช่แค่ตั้งเวลาเหมือนในหนังที่เราเคยดูในสมัยก่อนอีกต่อไปแล้ว มีทั้งใช้ความดันที่เปลี่ยนไปของบรรยากาศ ใช้ความชื้น ใช้แรงสั่นสะเทือนก็เป็นตัวตั้งการจุดระเบิดได้

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้ขอความร่วมมือผู้โดยสารห้ามนำอุปกรณ์ที่มีขนาดของแบตเตอรี่ลิเธียมเกินกว่าที่กำหนดนำขึ้นอากาศยาน โดยแบ่งเป็นแต่ละประเภท ได้แก่ 1.ประเภทแบตเตอรี่สำรอง (Spare) เช่น Power Bank เป็นต้น ได้กำหนดค่าความจุไฟฟ้า ดังนี้ (1) ค่าความจุไฟฟ้า 100 Wh หรือ 20,000 mAH หรือปริมาณลิเธียมไม่เกิน 2 กรัม อนุญาตให้นำติดตัวขึ้นเครื่องบินได้ (2) ค่าความจุไฟฟ้า 100-160 Wh หรือ 20,000-32,000 mAH หรือปริมาณลิเธียมไม่เกิน 2-8 กรัม นำติดตัวขึ้นเครื่องได้คนละไม่เกิน 2 ชิ้น ซึ่งจะต้องได้รับอนุญาตจากสายการบิน และ (3) ค่าความจุไฟฟ้ามากกว่า 160 Wh หรือ 32,000 mAH หรือปริมาณลิเธียมมากกว่า 8 กรัม ไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องบิน ซึ่งแบตเตอรี่สำรองทุกชนิด (Spare Battery) ไม่อนุญาตให้โหลดใส่กระเป๋าไว้ใต้ท้องอากาศยาน

...

2.ประเภทแบตเตอรี่ที่อยู่ในอุปกรณ์ (Portable Electronic Device : PED) เช่น แบตเตอรี่สำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ Laptop Hoverboard และ Airwheel เป็นต้น ได้กำหนดค่าความจุกำลังไฟฟ้า ดังนี้ (1) ความจุไฟฟ้าไม่เกิน 100 Wh หรือ 20,000 mAH หรือปริมาณลิเธียมไม่เกิน 2 กรัม นำขึ้นเครื่องได้ทั้งในสัมภาระติดตัวและสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่อง (2) ความจุไฟฟ้าไม่เกิน 100-160 Wh หรือ 20,000-32,000 mAH หรือปริมาณลิเธียมระหว่าง 2-8 กรัม สามารถนำขึ้นเครื่องได้ ทั้งในสัมภาระติดตัวและสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่อง แต่ต้องได้รับอนุญาตจากสายการบิน และ (3) ค่ากำลังไฟฟ้ามากกว่า 160 Wh หรือ 32,000 mAH หรือปริมาณลิเธียมมากกว่า 8 กรัม ไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องบิน ทั้งนี้ ข้อกำหนดดังกล่าวเป็นไปตามประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การพาแบตเตอรี่ลิเธียมไปกับอากาศยาน พ.ศ.2559

สำหรับวัตถุอันตราย คือสิ่งของหรือสารที่อาจเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของเครื่องบินหรือผู้โดยสารบนเครื่องได้ สายการบินจึงได้มีข้อห้ามไม่ให้วัตถุอันตรายที่ระบุไว้ในรายการต่อไปนี้เข้าเป็นสัมภาระพกพาหรือสัมภาระใต้ท้องเครื่อง ประกอบไปด้วย สารกัดกร่อน ก๊าซ ของเหลวไวไฟ วัสดุออกซิไดซ์เปอร์ ออกไซด์อินทรีย์ สารพิษ สารกัมมันตรังสีสารติดเชื้อ วัตถุระเบิดอื่นๆ (เช่นน้ำแข็งแห้งและน้ำมันเบนซิน) ของแข็งไวไฟ วัสดุแม่เหล็ก ส่วนสิ่งของต้องห้ามนำมาเป็นสัมภาระ ไม่ว่าจะเช็กอินเข้าใต้ท้องเครื่องหรือพกพาเข้าห้องโดยสาร ประกอบด้วย อาวุธปืนและกระสุน วัตถุระเบิด ก๊าซไวไฟและไม่ไวไฟ (อาทิ สีสเปรย์ ก๊าซบิวเทน น้ำมันไฟแช็ก) ก๊าซเย็นจัด (เช่น กระบอกดำน้ำที่เต็มแก๊สเต็ม ไนโตรเจนเหลว) ของเหลวไวไฟ เป็นต้น

ส่วนของห้ามพกพาเข้าสู่พื้นที่รักษาความปลอดภัย หรือพกไว้ในกระเป๋าที่จะนำเข้าห้องโดยสารคือ อาวุธปืนและอาวุธทุกชนิด วัตถุที่มีคมหรือปลายแหลม อุปกรณ์ไร้คมที่เป็นอันตราย วัตถุระเบิดและสารไวไฟ สารเคมีและสารพิษ มีด (เช่น มีดเดินป่า ดาบ และมีดพก) กรรไกรและวัตถุมีคม/แหลมอื่นๆ (เช่น เหล็กเจาะน้ำแข็ง กรรไกรตัดเล็บ) ที่ผิดกฎหมายท้องถิ่น อาวุธอย่างเช่นแส้ กระบองสองท่อน กระบอง หรือปืนไฟฟ้า ปืนเด็กเล่น/วัสดุที่ดูรูปร่างเหมือนหรือคล้ายปืน กุญแจมือ เป็นต้น นอกจากสิ่งของในรายการข้างต้นแล้ว สนามบินบางแห่งอาจมีข้อห้ามอื่นๆอีก เพื่อให้แน่ใจว่าท่านปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย กรุณาตรวจสอบกับทางสนามบินก่อนออกเดินทาง

...