ชาวบ้านทุ่งกิ่ง หรือบริเวณท่าเรือโบราณ อ.เมือง จ.พะเยา ตื่น พบวัตถุโบราณโผล่กลางกว๊านพะเยา หลังประสบภัยแล้งแห้งหนักสุดในรอบ 70 ปี คาดเป็นฐานของเสา "วัดศรีบุญเรือง" วัดเก่าที่มีอายุประมาณ 500 ปี เนื่องจากวัตถุโบราณที่ค้นพบส่วนใหญ่เป็นศิลปะหินทราย

เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (26 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ติดตามการค้นพบวัตถุโบราณบริเวณกลางกว๊านพะเยา ห่างจากฝั่งประมาณ 700 เมตร ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ บ้านทุ่งกิ่ง หรือบริเวณท่าเรือโบราณ หมู่ 10 ต.ตุ่น อ.เมือง จ.พะเยา หลังจากที่น้ำในกว๊าน ประสบภัยแล้งแห้งหนักสุดในรอบ 70 ปี ทำน้ำที่เคยกักเก็บอยู่จำนวนมากต้องแห้งหายไปจนเหลือน้ำอยู่เพียงกลางกว๊านพะเยาเท่านั้น ส่งผลให้ผืนดินริมฝั่งเห็นเป็นเนินดินโผล่บริเวณกว้าง ผู้เลี้ยงสัตว์ต่างพากันนำวัวควายเข้าไปกินหญ้า

นายรัฐวุฒิชัย ใจกล้า นายก อบต.บ้านตุ่น อ.เมือง จ.พะเยา พร้อมด้วยผู้นำชุมชนบ้านทุ่งกิ่ว กล่าวว่า จากการพบวัดโบราณได้มีชาวบ้านลงไปในกว๊านพะเยาช่วงที่น้ำแห้ง พาสัตว์เลี้ยงลงไปกินหญ้า แต่ปรากฏว่าได้พบกับวัตถุที่เป็นหินโบราณ ลักษณะเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ มีรูตรงกลาง และก้อนอิฐ เศษซากอิฐ กระเบื้อง และครกมอง โผล่มาจากดินในกว๊านพะเยา เป็นจำนวนมาก

...

นอกจากนั้นพบเศษซากอิฐมอญที่ยังคงสภาพของสิ่งก่อสร้างอยู่ โดยเฉพาะก้อนหินขนาดใหญ่ที่มีรูตรงกลางที่พบนั้น ทำมาจากหินทราย คาดว่าน่าจะเป็นฐานของเสาวัดโบราณ ซึ่งในอดีตบริเวณนี้อาจเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมหินทรายของล้านนาด้วย และมีอายุประมาณ 500 ปี สอบถามคนเฒ่าคนแก่เล่าว่าเดิมชื่อวัดศรีบุญเรือง อยู่ในเขตกว๊านพะเยามาตั้งแต่โบราณกาล จนกระทั่งปี พ.ศ. 2482 ทางกรมประมงได้สร้างประตูระบายน้ำสถานีประมงพะเยาขึ้น และกักเก็บน้ำสายสำคัญน้ำแม่อิง และสายน้ำอื่นๆ อีก 18 สาย จนเป็นกว๊านพะเยาจนทุกวันนี้ 

นายก อบต.บ้านตุ่น กล่าวต่อว่า ขณะนี้มอบให้ช่าง อบต.ทำตามคำแนะนำของหอจดหมายเหตุฯ จ.พะเยา ดำเนินการถ่ายภาพ จัดทำผังและจับพิกัดหินทรายที่พบ แต่ห้ามไม่ให้เคลื่อนย้าย ต้องรอให้ทางจังหวัดลงมาตรวจพิสูจน์ด้านประวัติศาสตร์ให้ชัดเจนอีกครั้ง ส่วนจะนำขึ้นหรือไม่นั้น ต้องรับฟังเสียงจากหลายฝ่ายเพื่อความเหมาะสม เบื้องต้น อบต.กับผู้นำในพื้นที่ร่วมกันนิมนต์พระสงฆ์ พระครูวิสุทธิสีลากร เจ้าอาวาสวัดตุ่นใต้ เจ้าคณะตำบลบ้านตุ่น ทำพิธีสวดมนต์เจริญพระพุทธมนต์ ขณะที่เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้สำรวจแนวเขตพร้อมกับทำเป็นเขตอนุรักษ์โบราณสถานต่อไป.