เกิดวิกฤติยางพารา! หลังราคายางตกต่ำ โลละ 30-35 กระทบชาวสวนใน จ.นครศรีธรรมราช และจังหวัดใกล้เคียง ผจก.สหกรณ์ฯ เผย ช่วยดึงราคารับซื้อ คาดอีกไม่กี่วันต้องปรับลงตามตลาด พร้อมทั้ง สั่งข้าวสาร น้ำปลา มาขายในราคาทุน พยุงชีวิตเกษตรกร ระบุ มีเกษตรกรบางส่วนหันไปทำงานอื่นแทน ขณะที่ชาวสวนยางวอนรัฐช่วยเหลือเร่งด่วน...
วันที่ 2 พ.ย. 58 สถานการณ์ยางพาราตกต่ำอย่างหนัก ล่าสุดตกต่ำมาอยู่ที่กิโลฯ ละ 30 ถึง 35 บาท ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรชาวสวนยางในจังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดใกล้เคียงเป็นอย่างมาก สถาบัน องค์กร และเครือข่ายชาวสวนยางแต่ละแห่ง จึงกำลังเร่งหาทางออกกับปัญหานี้
นายบุญมาก บุญเต็ม อายุ 55 ปี ผู้จัดการสหกรณ์ยางยูงทองจำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 63 หมู่ 7 ต.ท่าดี อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า สหกรณ์ยูงทอง เป็นหนึ่งในสถาบันการเกษตรที่ก่อตั้งรวมกลุ่มของเกษตรกรมาอย่างยาวนาน วิกฤติราคายางขณะนี้ ถือว่าตกต่ำที่สุด นับแต่มีการทำสวนยางมา 2–3 ชั่วอายุคน ราคายางล่าสุดตอนนี้ อยู่ที่ 33 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น แม้ว่าทางสหกรณ์จะพยายามช่วยดึงราคารับซื้อสูงสุดที่ 38 บาท แต่คิดว่าไม่สามารถที่จะตรึงราคาได้นานนัก คงเพียงไม่กี่วัน ก็ต้องปรับราคารับซื้อยางจากเกษตรลงตามตลาด
ทั้งนี้ ราคาที่ตกต่ำลงเรื่อยๆ เกษตรกรอยู่ไม่ได้ ล่าสุดสหกรณ์ได้สั่งข้าวสาร น้ำปลา น้ำมันพืชและอื่นๆ ที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน มาช่วยเหลือสมาชิก ที่เป็นชาวสวนยางทั้งหมด มาขายให้ในราคาทุน เพื่อช่วยพยุงชีวิต พยุงครอบครัวชาวสวนยาง ที่เดือดร้อนอย่างหนัก เกษตรกรบางส่วนต้องเลิกอาชีพ หันไปทำงานอื่นแทนในขณะนี้
"มาตรการของรัฐบาลที่วางแนวทาง 10 ปี จัดการยางทั้งระบบนั้น ไม่น่าทัน เพราะใช้เวลานานเกินไป รัฐบาลต้องช่วยและแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมทันทีและอย่างเร่งด่วน" นายบุญมาก กล่าว
...
ขณะที่ นายสุทัศน์ นาคาพงศ์ อายุ 54 ปี หนึ่งในสมาชิกสหกรณ์ และเป็นชาวสวนยาง ที่นำน้ำยางมาขายให้สหกรณ์ในวันนี้ กล่าวว่า ก่อนมาขายยาง ได้แวะซื้อหมูที่ตลาด กิโลฯ ละ 130 บาท ซึ่งขายยาง 3 กิโลฯ ก็ซื้อหมู 1 กิโลฯ ไม่ได้ เพราะค่าครองชีพสูง ส่วนราคายาง 38 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สหกรณ์ช่วยสมาชิก ก็เป็นราคาที่สูงสุดแล้ว จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือเกษตรกรด้วย.