"ลุงน้อยไอศกรีมสู้ชีวิต" เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส บอกลาอาชีพทำนาข้าว ใช้รถอีต๊อก ติดโครงหลังคามุงแฝก นำถังไอศกรีมตั้ง ขับรถตระเวนไปทั่ว สร้างกำไรสุทธิวันละ 500-600 บ. เก็บเงินส่งลูกเรียนหนังสือ ให้กำลังใจ อย่าท้อแท้สิ้นหวัง
เมื่อวันที่ 1 พ.ย.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ลุงน้อย หรือ นายนิด สิตระศักดิ์ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59/3 หมู่ 17 ต.วังทอง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ประสบปัญหาขาดทุนกับการทำนาข้าวมาหลายต่อหลายครั้ง อีกทั้งค่าเช่าที่ทำนาก็มีราคาแพง แต่ด้วยภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละวันที่ต้องรับผิดชอบ รวมทั้งต้องส่งลูกเรียนหนังสือซึ่งเป็นภาระที่หนักมาก จึงนำรถไถนาหรือรถอีต๊อก ติดตั้งโครงหลังคามุงแฝก นำถังไอศกรีมตั้งทำเป็นร้านค้าเคลื่อนที่ เร่ขายไอศกรีมไปตามหมู่บ้าน ตั้งชื่อว่าลุงน้อย ไอศกรีมสู้ชีวิต สร้างรายได้อย่างดีจนส่งลูกสาวคนสุดท้องเรียนจนจบปริญญาตรีและมีงานทำ
ลุงน้อย เล่าว่า เมื่อหลายปีที่ผ่านมา ตนเช่าทำนา 30 ไร่ แต่ในช่วงนั้นประสบปัญหาขาดทุนมาตลอด ทั้งค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าเมล็ดพันธุ์ โดยเฉพาะค่าเช่าที่ดินเพื่อทำนาข้าวในช่วงหลังๆ นี้แพงถึงไร่ละ 1,000 บาท ทำเท่าไรก็ไม่ได้กำไรมีแต่เสมอตัวหรือไม่ก็ขาดทุนมา จึงคิดที่จะทำร้านขายของเร่ขายไปตามถนนหนทางตรอกซอกซอยในหมู่บ้านต่างๆ
...
"ในแต่ละวันจะต้องตื่นมาทำไอศกรีมตั้งแต่ตี 4 ก่อนจะออกขายในเวลา 10 โมงเช้า และกลับเข้าบ้านอีกครั้งก็ราวๆ 6 โมงเย็น เดินทางวันละกว่า 5-6 กิโลเมตรเป็นอย่างนี้เรื่อยมา โดยเฉพาะถ้ารู้ว่าทุ่งไหนมีการเกี่ยวข้าว ขุดมันสำปะหลัง หรือกิจกรรมที่มีคนไปรวมตัวกันเยอะๆ อย่างเช่นงานวัด การประชุมหมู่บ้าน จะต้องไปที่นั่นเพราะจะขายดี ซึ่งต้องหูตากว้างไกลคอยดูว่าที่ไหนมีงานอะไรจะได้ไปขายไอติม" ลุงน้อยกล่าว
ลุงน้อยยังกล่าวอีกว่า ฝากไปถึงคนที่ท้อแท้สิ้นหวัง และชาวนาที่ประสบปัญหาเป็นหนี้สินว่าถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็ขอให้สู้ การค้าขายจะมีรายได้ทุกวัน ผิดกับการทำนาจะได้เก็บเกี่ยวก็ต้องนานถึง 4 เดือนจึงจะได้เงิน ซึ่งรายได้จากการขายไอศกรีมกำไรสุทธิวันละ 500-600 บาทดีกว่าการทำนาและไม่เหนื่อยเหมือนทำนา ไม่ต้องกลุ้มใจว่าจะเจอปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม ราคาข้าวตกต่ำ แมลงศัตรูพืชระบาด และไม่ต้องเสียสุขภาพจากยาสารพัดที่ใช้ในนาข้าวด้วย