นางลัทธพรรณ วรากุลศิริศักดิ์ ผอ.สตง.กาฬสินธุ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการจัดซื้อจัดจ้างงบประมาณเหลือจ่ายตามแผนปฏิบัติราชการกลุ่มจังหวัด เพิ่มประสิทธิภาพผลิตอ้อย (ซื้อปุ๋ยอินทรีย์) ว่าเท่าที่เปิดเผยได้พบว่าดำเนินการใน 6 อำเภอ ราคาปุ๋ยที่ซื้อสูงกว่าราคาตามท้องตลาด ขณะนี้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องเสร็จแล้ว 2 อำเภอ คือ อ.สมเด็จ กับ อ.กุฉินารายณ์ ส่วนอีก 4 อำเภอ เหลือเพียงสอบนายอำเภอแต่ละท้องที่ ในภาพรวมดำเนินการแล้วร้อยละ 60 และต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งก่อนจะสรุป

“สตง.ได้ตรวจสอบโครงการซื้อปุ๋ยอินทรีย์ของ จ.กาฬสินธุ์ ที่ดำเนินการใน 6 อำเภอ จากการสุ่มตรวจตามร้านจำหน่าย ราคาซื้อขายในท้องตลาด 130 บาท แต่ขายให้ทางราชการถึง 490 บาท มีบุคคลบางกลุ่มพยายามกีดกันไม่ให้ จนท.ผู้เกี่ยวข้องให้ข้อมูลกับ สตง. แต่ไม่มีปัญหาอะไรเรื่องนี้ต้องว่ากันตามระเบียบงบประมาณแผ่นดินที่ใช้ในโครงการต่างๆต้องคุ้มค่า ไม่มีอะไรกดดันการทำงานของ สตง.ขอให้มั่นใจ และมีหลายหน่วยงานใน จ.กาฬสินธุ์ ที่ทาง สตง.เข้าไปตรวจสอบ ที่น่าห่วงตอนนี้คือสถานศึกษาต่างๆ” ผอ.สตง.กาฬสินธุ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานสำหรับโครงการซื้อปุ๋ยอินทรีย์ของ จ.กาฬสินธุ์ และ สตง.ตรวจพบว่าดำเนินการในยุคนายภุชงค์ โพธิกุฏสัย อดีต ผวจ.กาฬสินธุ์ ที่ เพิ่งเกษียณอายุราชการ โดยทาง ผวจ.มอบอำนาจให้นายอำเภอท้องที่ 6 แห่งประกอบด้วย อ.สมเด็จ อ.กุฏินารายณ์ อ.ท่าคันโท อ.ร่องคำ อ.ยางตลาด และ อ.เมืองกาฬสินธุ์ ดำเนินการสรรหาผู้รับจ้างและจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีกรณีพิเศษ มีผู้เข้าเสนอราคา 2 ราย เสนอขายปุ๋ยอินทรีย์ ราคาห่างกันแค่ 10 สตางค์/กก. จากราคากลางที่ตั้งไว้ กก.ละ 10 บาท มีผู้ที่ได้รับสัญญาเสนอราคาขายให้โครงการฯ ราคา กก.ละ 9.90 บาท ใช้งบเหลือจ่ายกลุ่มจังหวัด 6 อำเภอ รวมประมาณ 5,600,000 บาทเศษ

...