หลังโร่เข้ามอบตัวกองปราบฯคดีร่วมสาวพริตตี้-โบรกเกอร์โอนหุ้น‘ชูวงษ์’เกือบ300ล้าน
พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ผู้ต้องหาในคดี โอนหุ้น “เสี่ยจืด-ชูวงษ์” เข้ามอบตัวกับตำรวจกองปราบฯ ถูกสอบนาน 3 ชม. เครียดต้องขังตัวเองในห้องน้ำนาน 10 นาที ชุดคอมมานโดต้องคุมตัวออกพาไปส่งศาล อาญากรุงเทพใต้ ก่อนศาลอนุญาตให้ประกันตัวในวงเงิน 5 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไข ส่วนพริตตี้ สาวโบรกเกอร์กับแม่ยังไม่ติดต่อเข้ามอบตัว
คดีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของ “เสี่ยจืด-ชูวงษ์ แซ่ตั๊ง” นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างระดับประเทศ รวมทั้งกรณีการโอนหุ้นมูลค่าเกือบ 300 ล้านบาท ให้กับหญิงสาว 2 ราย ที่ส่อไปในทางทุจริต ทำให้ญาติผู้ตายตัดสินใจเดินทางเข้าพบ ผบ.ตร. เพื่อขอให้รื้อฟื้นคดี จนนำไปสู่การออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องการโอนหุ้น 4 ราย ประกอบด้วย พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ น.ส.ศรีธรา พรหมา น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล และ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล โดย พ.ต.ท.บรรยิน 1 ในผู้ต้องหาที่ถูกออก หมายจับนัดหมายกับตำรวจกองปราบฯขอเข้ามอบตัวนั้น
ความคืบหน้า ที่ บก.ป. เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 ส.ค. พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ พร้อมนายบัญชา ชัยจำ ทนายความส่วนตัว เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. พ.ต.ต.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ เกิดเอี่ยม พงส. ผนก. กก.1 บก.ป. เพื่อมอบตัวรับทราบข้อกล่าวหา
พ.ต.ท.บรรยินเปิดเผยว่า เพิ่งทราบจากสื่อมวลชนว่าถูก พงส.บก.ป.ออกหมายจับ ไม่ได้เกินความคาดหมายที่คาดไว้ตั้งแต่แรก พร้อมต่อสู้คดีจนถึงที่สุดพร้อมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วนเรื่องการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นั้น ยืนยันว่าเป็นการดำเนินการของนายชูวงษ์ ตนไม่ได้ประโยชน์อะไร อยากตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อมีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์ ทาง บก.ป. รีบอายัดหุ้นทันที แล้วรวบรวมพยานหลักฐานจึงเป็นปัญหา ขอเรียนให้ทราบว่า วันนี้ สิ่งที่เกิดขึ้น พยานที่ให้ปากคำในคดีนี้เป็นพยานผู้เสียหายฝ่ายเดียว แต่พยานฝ่ายตนยังไม่ได้เข้าให้การในคดีนี้เลย สิ่งที่สำคัญตนจะมาให้การในประเด็นสำคัญ คือนายชูวงษ์ก่อนตายได้โอนหุ้นตั้งแต่วันที่ 8-26 มิ.ย. อยากถามว่าทำไมนายชูวงษ์ ไม่เคยออกมาโวยวายว่ามีการปลอมเอกสารก่อนเสียชีวิต ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญและในวันเกิดเหตุ หากตนเป็นผู้ปลอมแปลงเอกสารแล้วผู้ตายจะไปตีกอล์ฟกับตนทำไม การที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาตนด้วยเหตุผลอะไรคือสิ่งที่ต้องพิสูจน์ เคยเตือนไปแล้วว่าการจะออกหมายจับต้องมีพยานหลักฐานเพียงพอ ทั้งนี้เตรียมหลักทรัพย์มาประกันตัวเป็นโฉนดที่ดินและเงินสดจำนวนหนึ่ง
...
“สิ่งที่ผมพูดว่าเหตุใด คุณชูวงษ์รับทราบเรื่องการโอนหุ้นแล้วทำไมไม่แจ้งว่ามีผู้ปลอมเอกสาร วันนี้ผมจะให้การในฐานะผู้ต้องหา ให้พนักงานสอบสวนไปสอบสวนพยานเหล่านี้ หากไม่ดำเนินการถือว่าเป็นการบกพร่องตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เป็นสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ ส่วนผู้แจ้งความดำเนินคดีนั้น หากพิสูจน์ได้ว่ากรณีที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องจริงต้องรับผิดชอบในข้อหาแจ้งความเท็จเช่นเดียวกัน” พ.ต.ท.บรรยินกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ให้สัมภาษณ์ พ.ต.ท.บรรยินนำปากกาที่ซื้อมาจากร้านบีทูเอส หลายด้าม ก่อนที่จะนำมาเขียนลงในกระดาษ พร้อมใช้ยางลบที่ปลายด้ามปากกาลบข้อความออก เพื่อแสดงให้เห็นว่าปากกาดังกล่าวสามารถเขียนและลบได้ในด้ามเดียวกัน ทั้งยืนยันว่านายชูวงษ์มักใช้ปากกาลักษณะนี้ในการทำธุรกรรมเป็นประจำ ขณะที่มีการเขียนและลบข้อความจากจำนำหุ้นเป็นโอนหุ้นนั้น เจ้าตัวอยู่กับนายชูวงษ์เพียง 2 คนเท่านั้นไม่มีผู้ใดรู้เห็น
ขณะที่ พล.ต.ต.อัคราเดชเปิดเผยว่า การที่พงส.บก.ป.จะให้ประกันตัวหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาตามองค์ประกอบ 3 ข้อ คือจะมีพฤติการณ์หลบหนีหรือไม่ หรือหากให้ประกันตัวแล้วจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไม่ หรือมีพฤติการณ์ข่มขู่พยานหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้ ต้องสอบปากคำให้แล้วเสร็จ ในส่วนผู้ต้องหาอีก 3 ราย ที่เหลือ คือ น.ส.กัญฐณา น.ส.อุรชา และ น.ส.ศรีธรา แม่ของ น.ส.อุรชา ยังไม่ได้ติดต่อเข้ามอบตัวแต่อย่างใด
เวลาไล่เลี่ยกัน นางวันเพ็ญ ธนธรรมศิริ นายกันต์ แซ่ตั๊ง พี่สาว-บุตรชายของนายชูวงษ์และนายเอนก คำชุ่ม ทนายความเดินทางมาที่ บก.ป.เพื่อคัดค้านการประกันตัวของผู้ต้องหาทั้ง 4 คน เนื่องจากเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งหมดเตรียมความพร้อมเพื่อขอประกันตัว โดยนายเอนกเปิดเผยว่า ไม่ทราบเรื่องมาก่อนว่า พ.ต.ท.บรรยินให้การว่านายชูวงษ์ใช้ปากกาที่ลบได้ เชื่อว่าตำรวจจะทำงานตามข้อเท็จจริงที่เอกสารทุกฉบับถูกแก้ไข แสดงให้เห็นข้อเท็จจริงอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการเสียชีวิตนั้น ครอบครัวผู้ตายติดใจมาตั้งแต่ต้น ทั้งนี้ได้ขอความอนุเคราะห์ไปยัง บ.โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จก. ให้ช่วยตรวจสอบอีกทางหนึ่ง แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับ โดยเช้าวันที่ 26 ส.ค. จะเดินทางไปติดตามเรื่องดังกล่าว รวมทั้งเดินทางไปพบแพทย์ที่ชันสูตรศพผู้ตายที่ รพ.สิรินธร และสถาบันนิติเวชฯ รพ.ตร.
ด้านนางวันเพ็ญกล่าวว่า สิ่งที่ พ.ต.ท.บรรยินอ้างไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำเอกสารนั้น วันนี้ชี้ชัดแล้วว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ทางครอบครัวสงสัยมาตลอดหลังพบเอกสารการโอนหุ้นมีพิรุธ ตอนนี้ทางครอบครัวต้องการต่อสู้เพื่อกู้ชื่อเสียงของครอบครัวและตัวนายชูวงษ์ ขอขอบคุณ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และตำรวจกองปราบปรามทุกท่านที่ช่วยตามหาข้อเท็จจริง รวมทั้งชาว จ.นครสวรรค์ ที่ช่วยกันส่งกำลังใจและข้อมูลต่างๆด้วย ส่วนกรณีการใช้ปากกาอะไรในการเซ็นเอกสารนั้น เชื่อว่าคนใกล้ชิดและพนักงานในบริษัทรู้ดี เอกสารๆเก่าสามารถนำมาเปรียบเทียบและยืนยันได้ ยืนยันว่าไม่มีการใช้ปากกาชนิดที่ พ.ต.ท.บรรยินกล่าวอ้างแน่นอน
ต่อมาเวลา 13.30 น. ชุดพนักงานสอบสวนบก.ป.คุมตัว พ.ต.ท.บรรยินมาพิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติ ที่บริเวณด้านหน้าห้องควบคุมงาน 5 กก.ฝอ.บก.ป. โดย พ.ต.ท.บรรยินกล่าวว่า คาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าพนักงานสอบสวนจะไม่ให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน ไม่รู้สึกเครียดอะไรเพราะเตรียมตัวมาก่อนแล้ว ส่วนการขอประกันตัวในชั้นศาลนั้น คงต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ทั้งนี้ เตรียมเงินสด 1 แสนบาท และโฉนดที่ดินอีกส่วนหนึ่งไว้แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการพิมพ์นิ้วมือทำประวัติ พ.ต.ท.บรรยินขอเจ้าหน้าที่เข้าห้องน้ำ ที่ชั้น 2 ของอาคาร บก.ป. ก่อนขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำไม่ยอมออกมานานกว่า 10 นาที จนตำรวจต้องนำกำลังชุดคอมมานโดมาเชิญตัว ระหว่างนั้น พ.ต.ท.บรรยินพูดในเชิงที่ว่าหลังเสร็จเรื่องจะนำเรื่องฟ้อง ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบ ก่อนเจ้าตัวจะยอมออกจากห้องน้ำแต่โดยดี
พล.ต.ต.อัคราเดชกล่าวว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน เพราะเกรงว่าหากให้ประกันตัวแล้ว อาจเข้าไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานต่างๆในคดี ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.บรรยิน ระบุถึงกรณีการใช้ปากกาที่ลบได้นั้น พนักงานสอบสวนดำเนินการตามผลตรวจของกองพิสูจน์หลักฐาน ไม่ได้ให้น้ำหนักกับกรณีที่ พ.ต.ท.บรรยินกล่าวถึงแต่อย่างใด ทั้งนี้ พ.ต.ท.บรรยินยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาพร้อมระบุว่าจะนำเอกสารมาชี้แจงเพิ่มเติมภายหลัง ทั้งนี้ ชุดสอบสวนยังคงมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่ ว่ามีความแน่นหนาเพียงพอที่จะสามารถดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้
...
จากนั้นเวลา 14.30 น. หลังการสอบปากคำนานกว่า 3 ชม. แล้วเสร็จ พล.ต.ต.อัคราเดชสั่งการให้ พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม พงส.ผทค.กก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ เกิดเอี่ยม พงส.ผนก. กก.1 บก.ป. คุมตัว พ.ต.ท. บรรยินขึ้นรถตู้ไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ทันที โดยมีรถสายตรวจของ บก.ป.นำหน้า
ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พนักงานสอบสวนกองปราบคุมตัว พ.ต.ท.บรรยินไปยื่นคำร้องฝากขังต่อศาลผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.-5 ก.ย. โดบระบุว่ายังต้องสอบปากคำพยานและรอผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานในคดีและอื่นๆ โดยแนบคำขอคัดค้านการประกันเพราะเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีและยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านอนุญาตให้ฝากขัง โดยมีนายบัญชา ชัยจำ ทนายความของ พ.ต.ท.บรรยินยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 5 ล้านบาท ขอปล่อยชั่วคราว
ต่อมาเวลา 16.40 น. ศาลพิเคราะห์แล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ พ.ต.ท.บรรยินได้รับการประกันตัว ตีราคาประกัน 5 ล้านบาท กำหนดเงื่อนไขห้ามผู้ต้องหาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานในคดี และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
ภายหลังได้รับการประกันตัว พ.ต.ท.บรรยิน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า ขอขอบคุณศาลที่เมตตาอนุญาตให้ประกันตัว ส่วนการต่อสู้คดีความก็ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง ก่อนเดินทางกลับท่ามกลางกลุ่มญาติมิตรที่มาให้กำลังใจจำนวนหนึ่ง