"อยุทธ์" อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดพิธีทำลายสินค้าปศุสัตว์นำเข้าโดยผิดกฎหมาย จำนวน 97,588 กิโลกรัม มูลค่า 9.7 ล้านบาท ที่จังหวัดเพชรบุรี เชื่อ สร้างความมั่นใจต่อผู้บริโภคเนื้อสัตว์ภายในประเทศ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันศุกร์ที่ 19 มิ.ย. 58 นายสัตวแพทย์อยุทธ์ หรินทรานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้ เป็นประธานการทำลายสินค้าปศุสัตว์ ซึ่งจะดำเนินการควบคุมซากสัตว์ จากสถานกักเก็บซากสัตว์ที่ทำการอายัดไว้โดยวิธีฝังกลบ มูลค่ากว่า 9,758,000 บาท ณ ศูนย์กักกันสัตว์เพชรบุรี ด่านกักกันสัตว์เพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี

นายสัตวแพทย์อยุทธ์ เปิดเผยว่า กรมปศุสัตว์ในฐานะหน่วยงานหลักในการกำกับดูแลสุขภาพสัตว์ การควบคุม ป้องกัน และกำจัดโรคระบาดจากสัตว์สู่คน และสัตว์สู่สัตว์ ตลอดจนควบคุมกำกับดูแลการนำเข้า นำออก นำผ่านราชอาณาจักร ซึ่งสินค้าปศุสัตว์ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และความมั่นใจแก่ผู้บริโภคทั้งใน และต่างประเทศ โดยมีการกำหนดมาตรฐานหลักเกณฑ์เงื่อนไขในการควบคุมการผลิตการนำเข้า นำออก นำผ่าน สัตว์และซากสัตว์ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมไปถึงการดำเนินงาน บังคับใช้กฎหมายที่กรมปศุสัตว์รับผิดชอบอยู่โดยเคร่งครัด กองสารวัตรและกักกัน กรมปศุสัตว์ได้ดำเนินโครงการตรวจสอบสถานที่พักซากสัตว์ทั่วประเทศ รวมถึงการตรวจสอบสินค้าปศุสัตว์นำเข้า ประเภทเนื้อสัตว์ ซากสัตว์ รวมถึงผลิตภัณฑ์สัตว์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เพื่อเป็นการป้องปรามผู้ลักลอบนำเข้าสินค้าปศุสัตว์โดย ไม่ได้รับอนุญาต

...

โดยในครั้งนี้ กองสารวัตรและกักกัน กรมปศุสัตว์ ได้ดำเนินการตรวจสอบการเคลื่อนย้ายสัตว์ – ซากสัตว์ พบซากกระบือแช่แข็งจำนวน 78,268 กิโลกรัม เครื่องในโค – กระบือ แช่แข็งจำนวน 19,320 กิโลกรัม รวมทั้งสิ้น 97,588 กิโลกรัม มูลค่า 9,758,800 บาท ซึ่งซากสัตว์ดังกล่าว ไม่ได้รับอนุญาต และไม่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้ ชุดเฉพาะกิจสารวัตรกรมปศุสัตว์ จึงทำการอายัดของกลางและดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ

สำหรับการดำเนินการดังกล่าว เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจ และความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคเนื้อสัตว์ภายในประเทศ ต่อมาตรการ และแนวทางการควบคุม การนำเข้า นำออก นำผ่านสินค้าปศุสัตว์ และเป็นการป้องกันการแพร่กระจายของโรคสัตว์จากสินค้าปศุสัตว์ ที่กระทำผิดดังกล่าว กรมปศุสัตว์จึงได้ดำเนินการให้มีการทำลายซากสัตว์ของกลาง ซึ่งผ่านกระบวนการตัดสินของศาล ตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พุทธศักราช 2558 แล้ว โดยศาลมีคำพิพากษาให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษจำคุก 1 เดือน ปรับเป็นเงิน 10,000 บาท โดยโทษจำคุก ให้รอลงอาญามีกำหนด 1 ปี