เศรษฐกิจแย่ ร้านขายเสื้อผ้านักเรียนเมืองตรังครวญ ยอดขายไม่ดี สินค้าหลักทางการเกษตรราคาตกต่ำ ทำให้ผู้ปกครองมีรายได้น้อยประหยัดมากขึ้น แถมเจอห้างสรรพสินค้าเป็นคู่แข่งรายใหญ่จัดโปรโมชั่นลดราคาอื้อ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 พ.ค. 58 ผู้สื่อข่าวลงสำรวจบรรยากาศและราคาชุดนักเรียนในเขตเทศบาลนครตรัง ในช่วงก่อนเปิดเทอม พบว่า ยอดขายชุดนักเรียนในปีนี้ ซบเซากว่าปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยหลักเกิดจากสภาพเศรษฐกิจไม่ดี ส่งผลให้ยอดขายลดลง
จากการสอบถาม นางสาวชลธิรา เย่าตัก อายุ 30 ปี เจ้าของร้านชลธิรา ขายชุดนักเรียนหน้าตลาดสดเทศบาลนครตรัง เปิดเผยว่า พ่อแม่ผู้ปกครองมาซื้อชุดนักเรียนให้กับบุตรหลานจำนวนค่อนข้างเยอะ ในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งยอดขายในปีนี้ลดลงกว่าปีที่แล้วเยอะมาก เพราะสภาพเศรษฐกิจไม่ดี สินค้าทางการเกษตรอย่างยางพาราและปาล์มน้ำมันตกต่ำ ส่งผลให้พี่น้องชาวตรังที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรและทำสวนปาล์มน้ำมัน มีรายได้ลดลง ทำให้ต้องประหยัดค่าใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น
โดยการซื้อขายชุดนักเรียนในปีนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองซื้อสินค้าแค่ที่จำเป็น เช่นซื้อเสื้อทีละ 1-2 ตัว จากเดิมที่เคยซื้อทั้งเสื้อและกางเกงหรือกระโปรงยกชุด และยังลดจำนวนการซื้อลง จากที่เคยซื้อ 3-4 ชุด ก็เหลือเพียง 1-2 ชุดเท่านั้น
ด้าน นางสาวอรวรรณ วัชโรธยางกูร เจ้าของร้านฮั่วมุ่ย 42 หน้าตลาดสดเทศบาลนครตรัง เผยว่า ทางร้านยังคงราคาชุดนักเรียนไว้เช่นเดิม ตั้งแต่ปี 2555 มาจนถึงปัจจุบัน ไม่ได้มีการปรับราคาเพิ่มแต่อย่างใด แต่เสื้อผ้าแต่ละชิ้นจะมีราคาที่แตกต่างกันออกไปตามขนาด โดยระดับอนุบาลราคาจะอยู่ที่ชุดละประมาณ 300 บาท ระดับประถม อยู่ที่ 300-350 บาท มัธยมก็ตามขนาดของเสื้อผ้า มีตั้งแต่ 100 กว่าบาทขึ้นไป โดยในปีนี้ ลูกค้ามาซื้อชุดนักเรียนน้อยลง เนื่องมาจากหลายโรงเรียนได้มีการรับชุดนักเรียนไปขายเอง ทำให้ร้านข้างนอกขาดรายได้
...
นอกจากนั้น นางสาวอรวรรณ กล่าวต่อว่า ปัญหาสินค้าทางการเกษตรตกต่ำ รวมถึงการที่มีห้างสรรพสินค้ามาเปิดบริการและมีโปรโมชั่นเรียกลูกค้า ก็ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองหันไปซื้อของในห้างมากกว่ามาซื้อจากร้านข้างนอก เพราะมีราคาที่ถูกกว่า สะดวกสบายกว่า อีกทั้งยังมีการลดแลกแจกแถม ทำให้ยอดการขายชุดนักเรียนของทางร้านในปีนี้ถือว่าซบเซาอย่างหนัก