ผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์แถลงข่าวร่วมกับผู้บริหาร สจล.มีเลขาธิการ สกอ.เป็นสักขีพยาน แสดงความรับผิดชอบ ยึดหลักธรรมาภิบาล ควักเงิน 1,500 ล้าน ชดใช้ให้ เพราะ สจล.ลูกค้าชั้นดี อีกทั้งเป็นความผิดส่วนบุคคล ไม่ใช่ปัญหาระหว่างสถาบัน ผู้บริหาร สจล.พอใจนำเงินกลับไปเปิดบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา สจล.อีกครั้ง ด้านถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี สจล. ยอมรับลายเซ็นเหมือนมาก แต่ยังไม่แน่ใจเพราะเห็นเพียงสำเนาที่เจ้าหน้าที่ให้ดู ขณะที่ตำรวจได้ผลตรวจลายเซ็นมาแล้ว พบผลตรวจเหมือน 90 เปอร์เซ็นต์ และยังเดินหน้าสอบสวนต่อไป
เอสซีบียอมคืนเงินให้ สจล. เปิดเผยเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 ก.พ. ที่ห้องประชุมชั้น 5 สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือเอสซีบี พร้อมด้วยนายโมไนย ไกรฤกษ์ รักษาการแทนอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ร่วมแถลงข่าว บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการแก้ไขปัญหาคดี สจล.ถูกยักยอกทรัพย์ 1.5 พันล้านบาท โดยมี นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการ สกอ.เป็นสักขีพยาน
ทั้งนี้ นพ.กำจรกล่าวว่า หลังจากที่ผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์และผู้บริหาร สจล.แถลงข่าวความร่วมมือการจัดส่งเอกสารหลักฐานในคดีเงิน สจล.ถูกยักยอกทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา จากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายมีการหารือเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในที่สุดก็บรรลุข้อตกลงที่จะทำให้ทุกฝ่ายเกิดความสบายใจ โดยมีตนเป็นสักขีพยาน
ด้านนายวิชิตเผยว่า ทั้ง สจล.และธนาคารไทยพาณิชย์ขอยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาระหว่างสถาบัน แต่เป็นปัญหาระดับบุคคล ซึ่งใครทำผิดก็จะไม่มีการปกป้อง ทั้งนี้ธนาคารไทยพาณิชย์ยึดหลักธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคม อีกทั้ง สจล.ถือเป็นลูกค้าชั้นดี ประกอบกับที่ผ่านมาก็เห็นได้ชัดว่า นายทรงกลด ศรีประสงค์ อดีตผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา สจล. มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียักยอกเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ขอแสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยจะชดใช้เงินให้ สจล. จำนวน 1,500 ล้านบาท ตามที่ สจล.ได้ประเมินไว้ หากภายหลังพบว่ามูลค่าความเสียหายน้อยกว่า 1,500 ล้านบาท สจล.ก็จะคืนเงินส่วนต่างให้กับธนาคาร
...
“ยืนยันว่าเงินจำนวน 1,500 ล้านบาท ไม่ใช่เป็นการซื้อเพื่อปิดปากเรื่องนี้ แต่เป็นการประกันความเสียหายที่เกิดขึ้นเพื่อให้ลูกค้าเกิดความสบายใจ โดยเงินที่ใช้นี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายของธนาคาร ซึ่งธนาคารไทยพาณิชย์มีสินทรัพย์ 2.7 ล้านล้านบาท คงไม่สร้างความหวั่นไหวให้กับลูกค้าเลย สจล.สามารถนำไปใช้ได้ทันที ส่วนที่มีข่าวว่าบอสที่อยู่เบื้องหลังคดียักยอกทรัพย์ครั้งนี้ เป็นผู้บริหารที่อยู่ในธนาคารไทยพาณิชย์ด้วยนั้น ตนไม่ทราบ และอยากรู้เหมือนกันว่า บอสคือใคร อย่างไรก็ตาม ธนาคารไทยพาณิชย์จะต้องเป็นโจทก์ร่วมกับ สจล.ในคดีนี้แน่นอน เพื่อติดตามเงินคืนเพราะเป็นผู้เสียหายร่วม” นายวิชิตเผย
ส่วนนายโมไนยกล่าวว่า สจล.ขอขอบคุณที่ธนาคารไทยพาณิชย์แสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น เป็นการแสดงสปิริตให้กับลูกค้า ในฐานะลูกค้ารู้สึกพอใจ เงินจำนวน 1,500 ล้านบาทที่ได้รับมา เป็นการแสดงน้ำใจของธนาคารไทยพาณิชย์ ทางเราก็ขอแสดงน้ำใจกลับคืนให้ โดยจะนำเงินก้อนนี้ไปเปิดบัญชีกับธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา สจล.อีกครั้งหลังจากปิดไปก่อนหน้านี้ หากภายหลังพบว่ามูลค่าความเสียหายน้อยกว่า 1,500 ล้านบาท สจล. ยินดีคืนเงินส่วนต่างกลับไป ส่วนบัญชีของ สจล. ที่เปิดไว้กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาบิ๊กซี ที่นายทรงกลดเป็นอดีตผู้จัดการด้วยนั้น มีความเสียหาย 50 ล้านบาท เชื่อว่าธนาคารกรุง-ศรีอยุธยาเห็นธนาคารไทยพาณิชย์แสดงสปิริตเช่นนี้แล้ว คงไม่นิ่งนอนใจแน่นอน ขณะนี้ สจล.ยังไม่ได้รับการติดต่อเรื่องคืนเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา ส่วนกรณีผู้บริหาร สจล.ที่เซ็นชื่อปิดบัญชีที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้รับการยืนยันจากธนาคารดังกล่าวแล้วว่าเป็นลายเซ็นปลอม หลังจากนี้ สจล.กำลังตั้งคณะกรรมการสอบวินัยบุคลากรภายในสถาบันที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ โดยตรวจสอบย้อนไปตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 เป็นต้นไป
นายจำรูญ เล้าสินวัฒนา รองอธิการบดี สจล.เผยว่า ขณะนี้ สจล.ได้รับเอกสารจากธนาคารไทยพาณิชย์ มากพอที่จะสาวไปถึงผู้กระทำที่เกี่ยวข้องภายในสจล.แล้ว จะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนผู้เกี่ยวข้องทั้งในระดับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ภายใน สจล.ทั้งหมด ส่วนเรื่องที่ สจล.มีหนังสือเวียนสอบถามพนักงานเรื่องการเปลี่ยนแปลงบัญชีเงินเดือนผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ไปธนาคารอื่น โดยกำหนดวันสิ้นสุดการเปลี่ยนแปลงคำขอเปลี่ยนแปลงวันที่ 27 ก.พ.นั้น พบว่ามีพนักงานที่ยื่นเรื่องขอเปลี่ยนแปลงการจ่ายเงินเดือนจากธนาคารไทยพาณิชย์ไปธนาคารอื่นประมาณ 200 กว่าคน หลังจากที่ สจล.บรรลุข้อตกลงร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์แล้ว คงแจ้งความคืบหน้าให้ประชาคม สจล.ทราบ หากบุคลากรและพนักงาน สจล.ยังจะขอเปลี่ยนไปใช้ธนาคารอื่นแทน หรือจะกลับมาใช้บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์อีกครั้งก็ได้ เพราะเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล
ขณะที่นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี สจล. กล่าวว่า ขณะนี้กำลังหารือกับทางทนายความเกี่ยวกับรูปคดี ซึ่งต้องรอดูสำนวนฟ้องของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน ส่วนกรณีที่มีข้อกล่าวหาว่าตนเซ็นลงนามเปิดบัญชีสถาบันก่อนที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งอธิการบดี รวมทั้งเป็นผู้เซ็นปิดบัญชีหลังจากหมดสถานภาพการเป็นอธิการบดีแล้วนั้น เท่าที่ดูจากสำเนาเอกสารทางเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า พบเป็นลายเซ็นคล้ายกับลายเซ็นตนจริง ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นลายเซ็นปลอมหรือเป็นลายเซ็นตนจริง ขณะนี้ยังไม่แน่ใจว่าลายเซ็นดังกล่าวเป็นลายเซ็นของตนจริงหรือไม่ เพราะยังไม่เห็นเอกสารตัวจริง เห็นเพียงสำเนาที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดูเท่านั้น ยอมรับเหมือนลายเซ็นของตนมาก ปกติการลงนามในเอกสารใดในช่วงที่เป็นอธิการบดี ตนจะอ่านรายละเอียดมาก แต่กรณีนี้ยอมรับว่าจำไม่ได้จริงๆ เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานแล้ว แต่มีการนำไปลงวันที่ย้อนหลังเพราะเอกสารระบุว่ามีการลงนามเพื่อเปิดบัญชี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 ซึ่งตนเข้ามารับตำแหน่งอธิการบดีในช่วงปลาย พ.ศ.2555 และพ้นจากตำแหน่งช่วงปลายปี พ.ศ.2556 ตามหลักการแล้ว การลงนามย้อนหลัง ไม่สามารถกระทำได้แน่นอน ส่วนกรณีการเปิดบัญชีในนามสถาบันนั้นไม่สามารถทำได้หากผู้มีอำนาจไม่อนุมัติให้ดำเนินการ ดังนั้น เรื่องนี้ คงต้องไปพิสูจน์กันในศาล ซึ่งตนมั่นใจในความบริสุทธิ์ แต่ยอมรับว่าเครียด
...
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงาน สอบสวนคลี่คลายคดีลักทรัพย์สถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กว่า 1,474 ล้านบาท เผยว่า ภายหลังจากที่ พงส.บก.ป. ส่งลายเซ็นชื่อบุคคลที่มีอำนาจลงนามการทำธุรกรรมการเงินของ สจล.ให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานไปตรวจก่อนหน้านี้ ล่าสุดเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 27 ก.พ. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานส่งผลการตรวจสอบลายเซ็นมาให้กับพนักงานสอบสวนแล้ว ผลการตรวจ 90 เปอร์เซ็นต์เป็นลายเซ็นที่เป็นบุคคลคนเดียวกันตามที่เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานยืนยัน ซึ่งใน 90 เปอร์เซ็นต์นี้ มีลายเซ็นชื่อของอดีตผู้บริหารที่โดนจับกุมไปก่อนหน้านี้ด้วย ขณะที่บางลายเซ็นที่ตรวจสอบเรียกว่าใกล้เคียง เพราะลายเส้นหรือตัวอย่างที่เราส่งไปเปรียบเทียบยังยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เรายังคงทำงานกันตลอดไม่มีวันหยุด เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของแต่ละคนและเรียบเรียงพยานหลักฐานทั้งหลายก่อนสรุปสำนวนทั้งหมด คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะเสร็จ
พ.ต.อ.ณษกล่าวอีกว่า ส่วนอดีตผู้บริหาร สจล. ที่ถูกจับกุมตัวและได้รับการประกันตัวไปนั้น เรามั่นใจว่ามีหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดี รวมถึงผลตรวจลายเซ็นที่ออกมาเป็นการใช้หลักวิทยาศาสตร์มาช่วยยืนยัน จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการออกหมายจับบุคคลใดเพิ่ม ในชั้นนี้เราพบพยานหลักฐานถึงแค่นี้ โดยภาพรวมหลังจากส่งฟ้องผู้ต้องหาในชุดแรกเสร็จสิ้นแล้ว ยังมีอีกชุดหนึ่งที่กำลังสอบสวน หลังจากเรื่องนี้เสร็จยังต้องตรวจสอบบัญชีที่มีการหายในช่วงต่างๆ ยังมีอีกประมาณ 4-5 บัญชี ยังต้องตรวจสอบกันอีก ตอนนี้ก็มีพยานหลักฐานมาบ้างแล้ว