สินบนโยกย้าย-ส่วยน้ำมัน

ศาลอาญาพิพากษาตัดสินคดีบิ๊กกิ๊ก-บิ๊กโก อีก 2 สำนวน ในคดีเรียกรับสินบนแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ และรีดรับส่วยน้ำมันเถื่อน สำนวนแรกสั่งจำคุกคนละ 20 ปี รับสารภาพและเคยมีคุณงามความดี ลดโทษเหลือคนละ 10 ปี ส่วนสำนวนที่ 2 สั่งจำคุกคนละ 10 ปี ศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือ 5 ปี ส่วนอดีตผู้การตำรวจน้ำที่ร่วมเป็นจำเลยในสำนวนนี้ มีความผิดในมาตรา 112 ด้วย ถูกพิพากษาจำคุก 15 ปี ศาลมีเหตุลดโทษเหลือ 7 ปี 6 เดือน เผยสำนวนคดีที่อดีต ผบช.ก.ถูกตัดสินถึงขณะนี้มีทั้งหมด 5 สำนวน รวมโทษจำคุก 31 ปี 9 เดือน

ศาลตัดสินคดี “บิ๊กกิ๊ก” อดีต ผบช.ก.อีก 2 สำนวน โดยเมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 26 ก.พ. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษา 2 สำนวน คดีแรก พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรอง ผบช.ก. พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ อดีต ผกก.4 ปคบ. ด.ต.สุรศักดิ์ จันเงา อดีต ผบ.หมู่ กก.2 ป. และ ด.ต.ฉัตรินทร์ หรือจักรินทร์ เหล่าทอง อดีต ผบ.หมู่ ปพ.ป. ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบหรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ร่วมกันเรียก รับ หรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ และร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด

กรณีวันที่ 1 ต.ค.53-11 พ.ย.57 จำเลยทั้งห้า ร่วมกับ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ อดีต ผกก. 1 ป. ที่เสียชีวิตแล้ว ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เรียกรับเงิน พ.ต.ต.ชาตรี รุ่งดำรง สว.ทล.1 กก.1 บก.ทล. และบุคคลอื่นอีกหลายคน รายละ 3-5 ล้านบาท เป็นค่าตอบแทนในการช่วยเหลือให้ได้รับการคัดเลือกตำแหน่งในตำแหน่งสำคัญ สังกัด บช.ก. และสั่งว่า ต้องจัดส่งเงินเป็นรายเดือน เดือนละ 1 หมื่นบาท-2 ล้านบาท ให้จำเลยทั้งห้าอีกเพื่อเป็นค่าตอบแทนให้ พ.ต.ต.ชาตรีกับพวก อยู่ในตำแหน่งต่อไป จำเลยทั้งห้าให้การรับสารภาพ

...

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีนายตำรวจผู้เสียหายเบิกความเป็นประจักษ์พยานว่า ในการเข้ารับตำแหน่งสำคัญสังกัด บช.ก. ได้มอบเงินให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ผ่าน พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ และเมื่อรับตำแหน่งแล้วต้องจ่ายเงินให้อีกเป็นรายเดือน นอกจากนี้ยังมีพยานเป็นผู้ขับรถพบเห็นเหตุการณ์ว่า เมื่อปี 57 มีตำรวจนำซองเอกสารมามอบให้ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ ขณะที่ ด.ต.สุรศักดิ์จำเลยที่ 4 เคยมาพบ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ด้วย อีกทั้งยังมี 2 นายตำรวจชั้นสัญญาบัตรที่มีหน้าที่ในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้าย บช.ก.เบิกความด้วยว่า แม้จะมีหน้าที่ในการพิจารณาบัญชีโยกย้าย แต่ก็ไม่ได้ทำหน้าที่ดังกล่าวเลย พยานหลักฐานที่นำสืบมาประกอบคำรับสารภาพจำเลย รับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1-2 กระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใจให้บุคคลนำทรัพย์สินมามอบให้ ตามมาตรา 148 และร่วมกันเรียก รับ ทรัพย์สินฯ มาตรา 149 ส่วนจำเลยที่ 3- 5 มีความผิดฐานร่วมสนับสนุนกระทำผิด ม.148 และ 149

พิพากษาจำคุก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และ พล.ต.ต. โกวิทย์ คนละ 20 ปี ส่วน พ.ต.อ.วุฒิชาติ ด.ต.สุรศักดิ์ และ ด.ต.ฉัตรินทร์ จำคุกคนละ 12 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ และเคยปฏิบัติหน้าที่สร้างคุณงามความดี เห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ให้จำคุก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และ พล.ต.ต.โกวิทย์ คนละ 10 ปี ส่วน พ.ต.อ.วุฒิชาติ ด.ต.สุรศักดิ์ และ ด.ต.ฉัตรินทร์จำคุกคนละ 6 ปี

จากนั้นศาลได้อ่านคำพิพากษาสำนวนที่ 2 คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พล.ต.ต.โกวิทย์และ พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีต ผบก.รน. เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียก รับ ประโยชน์อื่นใดฯ เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 157 และ 149 กรณีเมื่อ ก.พ.55 - ก.ค.57 จำเลยทั้งสามร่วมกัน เรียก รับเงินรายเดือนจากผู้ประกอบการหลายราย ที่ลักลอบจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงบริเวณน่านน้ำไทย รวมเป็นเงิน 147.4 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่จับกุมผู้ประกอบการ ขณะที่จำเลยที่ 3 ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าเงินส่วยที่เก็บไปนั้นจะต้องนำไปมอบให้ผู้บังคับบัญชาของตน เพื่อนำไปถวายให้กับองค์รัชทายาทด้วย ชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาของศาล จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และ พล.ต.ต.โกวิทย์ มีความผิดฐานเรียกรับประโยชน์อื่นใดฯ จำคุกคนละ 10 ปี ส่วน พล.ต.ต.บุญสืบมีความผิดตามมาตรา 149 และความผิดดูหมิ่นสถาบันฯ ตามมาตรา 112 ด้วย จำคุก รวม 15 ปี โดยจำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ เห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และ พล.ต.ต.โกวิทย์ คนละ 5 ปี ส่วน พล.ต.ต.บุญสืบจำคุก 7 ปี 6 เดือน ศาลให้นับโทษต่อจากคดีที่มีคำพิพากษาไปก่อนหน้านี้ เมื่อรวมโทษ 5 สำนวน ที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ถูกตัดสินไปแล้วรวมจำคุกทั้งสิ้น 31 ปี 9 เดือน ส่วน พล.ต.ต.โกวิทย์ตัดสินไป 4 สำนวน รวมจำคุก 26 ปี ขณะที่ พล.ต.ต.บุญสืบ ตัดสินไป 2 สำนวน รวมจำคุก 9 ปี ด้าน พ.ต.อ.วุฒิชาติ ด.ต.สุรศักดิ์ และ ด.ต.ฉัตรินทร์ ถูกศาลพิพากษาคดีวิ่งเต้นตำแหน่งเป็นสำนวนแรก

มีรายงานว่า นายบุญธรรม บุญเทพประธาน หรือป๋าชื่น โคลอนเซ่ อายุ 65 ปี กรรมการ ผู้มีอำนาจบริษัทบ้านชุมทอง จำกัด และบริษัทเขาใหญ่ เบเวอร์ลี่ฮิลล์ จำกัด เครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก.ที่ถูกศาลอาญาออกหมายจับในฐานความผิด แอบอ้างเบื้องสูงในการออกโฉนดที่ดินใน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่ซึ่งไม่สามารถออกเอกสารสิทธิใดๆ จะเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนกองปราบฯ ในเวลา 10.00 น. วันที่ 27 ก.พ.